การทำธุรกิจยุคแพลตฟอร์ม (ตอนที่ 3)
รศ.(พิเศษ) ดร. กฤษฎา เสกตระกูล CFP®
ในตอนที่ 3 นี้ผมจะพาเจาะลึกเกี่ยวกับโครงสร้างและรูปแบบของ Platform business
1 โครงสร้างของ Platform business
Platform business ที่ดีและช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจได้ จะต้องสามารถอำนวยความสะดวกให้เกิดธุรกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยไม่หยุดและไม่สะดุด ขณะที่ธุรกิจแบบดั้งเดิมจะเป็นผู้ผลิตสินค้าและบริการป้อนเข้าสู่ Platform business เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มบนเครือข่ายของแพลตฟอร์มซึ่งเป็นผู้ที่ทำให้เกิดธุรกรรม แต่ไม่ได้ผลิตสินค้าและบริการเอง
บนแพลตฟอร์มจึงต้องมีธุรกรรมหลัก (core transaction) ในมิตินี้แพลตฟอร์มจึงเหมือนโรงงานที่ทำหน้าที่ผลิต core transaction การออกแบบสร้าง Platform business จึงต้องทำให้เห็นว่ามีเทคโนโลยีและวิธีการอะไรที่ช่วยสร้าง core transaction ให้เกิดขึ้น และสามารถเชื่อมโยง core transaction ระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคผ่าน Platform business ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี 4 ขั้นตอน ได้แก่
1) การสร้าง (Create) ข้อมูลของสินค้าและบริการซึ่งต้นทางจะมาจากผู้ผลิตที่นำมาวางไว้บนแพลตฟอร์ม
2) การเชื่อมโยง (Connect) ข้อมูลของผู้บริโภคและข้อมูลของสินค้าบริการที่วางอยู่บนแพลตฟอร์ม เพื่อทำเกิดการ matching
3) การบริโภค (Consume) หากผู้บริโภคสามารถจับคู่กับสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเอง ก็จะเกิดธุรกรรมการซื้อขายระหว่างกัน
4) การชำระเงินและบริการหลังการขาย (Compensate) จะเกิดขึ้นตามมา หลังจากการตัดสินใจบริโภค ทำให้เกิดยอดขาย การส่งมอบสินค้า และ feedback ต่างๆ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สำคัญสำหรับแพลตฟอร์มในการนำไปวิเคราะห์และหาวิธีกระตุ้นให้เกิดกระบวนการ 4 ขั้นตอนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่การขยายขนาดของธุรกรรมบนแพลตฟอร์มต่อไป ดังรูปที่ 1 ที่อธิบายไว้ตามด้านล่างนี้
รูปที่ 1 : การเกิด core transaction 4 ขั้นตอน
ในความเป็นจริงแล้วยากที่จะควบคุมให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคใช้บริการ core transaction บนแพลตฟอร์มของเราตลอดไป เพราะอาจมีคู่แข่งที่พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ที่ดีกว่าเดิม
ดังนั้นการรักษาหรือดึงดูดให้ลูกค้าหรือผู้บริโภคยังคงใช้บริการบนแพลตฟอร์มของเรา จำเป็นจะต้องสร้างเครื่องมือหลักหรือฟังก์ชั่น (functions) ที่ต้องอาศัยเทคโนโลยีอย่างมาก ซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 4 เครื่องมือ ได้แก่
1) การทำให้คนเห็นแพลตฟอร์ม (Audience building) เพื่อให้สินค้าและบริการของผู้ผลิตมาพบกับผู้บริโภค
2) การสร้างเครื่องมือที่จับคู่ได้ (Matchmaking) ถือเป็นฟังก์ชันที่สำคัญอย่างยิ่งบนแพลตฟอร์มที่ทำให้เกิดธุรกรรมและการซื้อขายระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภค
3) การสร้างเครื่องมือและบริการอื่นๆ (Providing core tools and services) เช่น การจัดส่ง การชำระเงิน และบริการหลังการขาย เป็นต้น
4) การกำหนดกติกาและกฎระเบียบ (Setting rules and standards) การใช้แพลตฟอร์มจำเป็นต้องออกมาตรฐานเกี่ยวกับวิธีดำเนินงาน เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติ จะได้ไม่เกิดความสับสนและเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่น วิธีการสมัครสมาชิก การให้ข้อมูล การตกลงซื้อขาย การลดราคา การชำระเงิน การคืนสินค้า เป็นต้น โดยเครื่องมือหลักบนแพลตฟอร์มสามารถอธิบายได้ตามรูปที่ 2 ดังต่อไปนี้
รูปที่ 2 : The Four Functions of The Platform Business Model
2 รูปแบบของ Platform business
โดยสรุป แล้วรูปแบบของ Platform business อาจแบ่งออกได้เป็น 9 รูปแบบ ได้แก่
1. ตลาดบริการ (Service marketplace) : บริการ
2. ตลาดสินค้า (Product marketplace) : สินค้า
3. แพลตฟอร์มชำระราคา (Payment platform) : P2P, B2C
4. แพลตฟอร์มการลงทุน (Investment platform) : ตลาดหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ
5. เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social networks) : เครือข่ายการทำกิจกรรมทางสังคม
6. แพลตฟอร์มการสื่อสาร (Communication platform) : เครือข่ายการส่งผ่านข้อมูล
7. แพลตฟอร์มการพัฒนาต่างๆ (Development platform) : Open Development Platform, Closed Development Platform, Controlled Development Platform
8. แพลตฟอร์มการพัฒนาเนื้อหา (Content platform) : Social Content Platform, Media Content Platform
9. แพลตฟอร์มด้านเกม (Social gaming platform) : การพัฒนาเกมเพื่อกลุ่มสมาชิก
โดยสามารถอธิบายได้ตามรูปที่ 3 ดังต่อไปนี้
รูปที่ 3 : The Different Types of Platforms
ข่าวเด่น