กองทุนรวม
บล.บัวหลวง จัดงาน Thai Corporate Day ให้ข้อมูลหุ้นบริษัทชั้นนำของประเทศ


นายธนัทเทพ จันทรกานต์  กรรมการผู้จัดการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทฯได้จัดงานนักลงทุนสถาบันพบผู้บริหารบริษัทจดทะเบียนในงาน  Thai Corporate Day ในลักษณะการประชุมแบบ Social distancing ผ่าน Virtual conference มีผู้บริหารจากบริษัทจดทะเบียนฯ จำนวน 17 บริษัทและนักลงทุนอีก 123 รายได้เข้าร่วมงาน

ซึ่งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในหลากหลายด้าน ผู้บริหารจากหลายบริษัทได้ให้มุมมองเกี่ยวกับการกลับมาเติบโตของธุรกิจ หลังการแพร่ระบาดของ COVID สิ้นสุดลงในปี 2564 โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจใหม่ (e-commerce, อาหารทดแทนเนื้อสัตว์) ได้เติบโตเป็นไปในทิศทางบวกชัดเจนกว่า สำหรับกลุ่มบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคคาดว่าจะฟื้นตัวในระดับปานกลางและยังอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนการแพร่ระบาดของ COVID และสรุปประเด็นสำคัญจากการเข้าร่วมงาน Thai Corporate Day มีดังต่อไปนี้: 

AMATA (ซื้อ): อุปสงค์คงค้างจำนวนมาก หลังการผ่อนปรนมาตรการจำกัดการเดินทาง แนะนำเล่นรับวัคซีน COVID-19
 
BAM  (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 24.20 บาท): กำไรเติบโตจากการเร่งเก็บหนี้และขายทรัพย์สินรอการขาย   
 
BDMS (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 27 บาท): ปริมาณผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติเติบโตแข็งแกร่ง ในปี 2564 และแนวโน้มขาขึ้นของอัตรากำไร 
 
CPALL: มุ่งเน้นกลยุทธ์ O2O การถือหุ้น 40% ใน Tesco Asia คือปัจจัยลบในระยะสั้น แต่เป็นผลบวกในระยะยาว ไม่มีความเสี่ยงเพิ่มทุน 
 
CPF (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 40 บาท): โอกาสอัพไซด์จากการซื้อธุรกิจหมูในประเทศจีน 
 
CRC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 40 บาท): เล่นรับการกลับสู่ภาวะปกติในช่วงครึ่งหลังปี 2564 สำหรับ COL จะถูกรวบรวมเข้าในงบกำไรขาดทุน เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 2/64
 
DELTA: ขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง — ธุรกิจ EV, ศูนย์ข้อมูลและฮาร์ดแวร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 
 
IP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 18 บาท): โตตามเทรนด์ธุรกิจเพื่อสุขภาพ โอกาสอัพไซด์การคาดการณ์กำไร 
 
IVL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 44.0 บาท): อุปสงค์ปรับตัวดีขึ้น และการดำเนินงานกลับสู่ภาวะปกติ จะหนุนการเติบโตของกำไรหลัก ในปี 2564 
 
KEX (ซื้อ): ผู้นำการเติบโตในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว 
 
MTC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 77.00 บาท): แนวโน้มการเติบโตของกำไรแข็งแกร่ง ในปี 2564 หนุนโดยการขยายจุดขายและธุรกิจสินเชื่อ และแรงหนุนจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯ ที่ลดลง 
 
NOBLE (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 8.40 บาท): แผนธุรกิจเชิงรุก รวมทั้งการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ การถือหุ้นใน  AMC จะหนุนการเติบโตของกำไร 
 
NRF (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท): หุ้นเทคโนโลยีด้านอาหารที่เติบโตของประเทศไทย ตั้งเป้าเป็นผู้ผลิตอาหารจากพืชชั้นนำระดับโลก ภายในปี 2567 
 
PTTGC (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 70.0 บาท): อุปสงค์ฟื้นตัว และการขยายกำลังการผลิตจะหนุนการเติบโตของกำไรในปี 2564 
 
SCGP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 48.0 บาท): การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตสร้างโอกาสเติบโตได้อีกมาก โอกาสอัพไซด์กำไรและมูลค่าหุ้นจากการเข้าซื้อกิจการในอนาคต 
 
SYNEX (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท): ผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากยุคของ IOT และการเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อรองรับ 5G  
 
VGI (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 9 บาท): ก้าวผ่านวิกฤต และมีแรงหนุนจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทย่อยที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก 
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 20 ม.ค. 2564 เวลา : 10:33:28
24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 6:09 pm