ปี 2021 นับเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญทั้งในวงการทีวีและวงการเกม ด้วยนวัตกรรมทีวีจากผู้ผลิตทั่วโลกที่เตรียมสร้างปรากฏการณ์พร้อมพลิกโฉมประสบการณ์ในการเล่นเกมให้ถึงใจกว่าที่เคย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหน้าจอที่แสดงภาพและสีสันคมชัดสมจริงยิ่งขึ้น หรือประสิทธิภาพในการแสดงภาพเคลื่อนไหวที่พัฒนาจากยุคก่อนแบบก้าวกระโดด
ทีวีจึงเป็นอีกตัวเลือกสำคัญที่เสริมความเต็มอรรถรสในการเล่นเกม และยังสามารถใช้งานได้หลากหลายสำหรับทุกคนในบ้านอีกด้วย แอลจีจึงขอแนะนำ 6 ข้อสำคัญที่ควรรู้ก่อนซื้อทีวีสำหรับเล่นเกมในปีนี้ ให้สามารถปลดล็อกศักยภาพของเหล่าเกมเมอร์ได้ดีที่สุด
1.ให้ความสำคัญกับความล่าช้าของอินพุต อัตราการตอบสนอง และอัตราการรีเฟรชภาพ
ประสิทธิภาพในการเล่นภาพเคลื่อนไหวเป็นสิ่งที่เกมเมอร์ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เพราะไม่ว่าจะเล่นเกมประเภทใด การแสดงภาพที่ไหลลื่น ไม่หน่วง และไม่สะดุดเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความเพลิดเพลิน รวมถึงการตัดสินชัยชนะในเสี้ยววินาทีสำคัญ ทีวีที่จะใช้สำหรับเล่นเกมจึงควรมีความล่าช้าของอินพุตต่ำ (Low input lag) อัตราการตอบสนองต่ำสุดที่ 1ms และควรมีอัตราการรีเฟรชภาพอย่างน้อย 120Hz ขึ้นไป และจะยิ่งดีหากมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเสริมการแสดงภาพเคลื่อนไหว NVIDIA® G-SYNC®
2.จะให้ถึงใจต้องความละเอียดแบบ 4K
ความละเอียดแบบ 4K จะเป็นมาตรฐานใหม่ทั้งในตลาดทีวี ภาพยนตร์ และตลาดเกม ในช่วงปีที่ผ่านมา เราจึงเห็นการรองรับ 4K ในเกมใหม่ ๆ อย่างแพร่หลายมากขึ้นทั้งในเกมคอนโซลและเกมพีซี ซึ่งการเลือกซื้อทีวี 4K นั้นจะแสดงภาพคมชัดได้อย่างเต็มศักยภาพ ผู้เล่นจึงเพลิดเพลินกับภาพกราฟฟิกที่ตระการตาได้ยิ่งกว่าจอแบบ Full HD อย่างเห็นได้ชัด
3.แค่มี HDR ก็สร้างความแตกต่างได้
นอกจากภาพชัดตระการตาแบบ 4K แล้ว อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่สามารถสร้างความแตกต่างในการแสดงภาพอย่างเห็นได้ชัดคือ เทคโนโลยี HDR (High Dynamic Range) ซึ่งช่วยยกระดับการแสดงสีสัน คอนทราสต์ และความสว่างของภาพได้อย่างล้ำลึก ทำให้ภาพมีความโดดเด่นสมจริง มองเห็นรายละเอียดของภาพกราฟฟิกในส่วนมืดและส่วนสว่างได้ชัดเจน จึงแสดงศักยภาพของเกมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งเกมจากค่ายต่าง ๆ ในปัจจุบันก็รองรับ HDR มากขึ้นกว่าที่เคย ทั้ง Xbox และ PlayStation 5
4.ช่องต่อ HDMI 2.1 เป็นสิ่งจำเป็น
ช่องต่อ HDMI 2.1 ส่งผลโดยตรงต่อการถ่ายทอดความละเอียด และประสิทธิภาพในการแสดงผลจากอุปกรณ์เกมไปยังทีวี โดยสามารถส่งต่อสัญญาณภาพที่ความละเอียดสูงสุดได้ถึง 8K และที่สำคัญสำหรับเกมเมอร์ คือการรองรับ VRR (Variable Refresh Rate) ซึ่งช่วยปรับอัตราการรีเฟรชภาพให้เหมาะสมกับเกมที่เล่นมากที่สุด ช่วยป้องกันภาพขาดและเสริมความลื่นไหลของการแสดงภาพ อีกทั้งยังช่วยให้แสดงภาพเคลื่อนไหวพร้อมเทคโนโลยี HDR ได้อย่างเต็มรูปแบบมากกว่าการเชื่อมต่อแบบอื่น ๆ
5.ขนาดของจอขึ้นอยู่กับประเภทเกมที่เล่น
สำหรับเกมคอนโซลที่รองรับ 4K การใช้ทีวีไซส์ใหญ่กว่า 40 นิ้วขึ้นไป จะช่วยให้ผู้เล่นสัมผัสความละเอียดที่คมกริบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และแสดงศักยภาพของเกมออกมาได้อย่างเต็มที่มากกว่าจอมอนิเตอร์ แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ ระยะห่างระหว่างผู้เล่นและหน้าจอ ซึ่งหากต้องนั่งใกล้หน้าจอมากอย่างเวลาเล่นเกมพีซี ควรเลือกจอที่มีขนาดเล็กลงตั้งแต่ 32-40 นิ้ว เพื่อให้ผู้เล่นมองเห็นรายละเอียดได้ทั่วทั้งหน้าจอขณะเล่น
6.จอ OLED คือที่สุดสำหรับ 4K และ HDR
เทคโนโลยีหน้าจอ OLED คือหน้าจอที่มาพร้อมเม็ดพิกเซลซึ่งเปล่งแสงได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องมีไฟ backlight นอกจากจะโดดเด่นด้านการแสดงภาพที่สวยตระการตาและคอนทราสต์ดำสนิทแบบเหนือชั้น ช่วยให้ผู้เล่นเห็นรายละเอียดในเกมได้ชัดเจนยิ่งกว่าแล้ว จอ OLED ยังเป็นเทคโนโลยีหน้าจอที่ยกระดับประสบการณ์ในการเล่นเกมได้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการประมวลผลที่รวดเร็ว ด้วยการทำงานอย่างอิสระของแต่ละเม็ดพิกเซล จึงลดการหน่วงหรือภาพเบลอที่มักปรากฎในจอ LED และมีอัตราการรีเฟรชภาพที่เหนือกว่า นอกจากนี้ยังมีมุมมองการรับชมที่กว้างและประหยัดพลังงานกว่าจอ LED ทั่วไปอีกด้วย
จอ OLED 4K TV ซีรี่ส์ CX ขนาด 48 นิ้ว ตอบครบทุกโจทย์ของเกมเมอร์ตัวจริงด้วยอัตราการตอบสนองเพียง 1ms และอัตรารีเฟรชภาพ 120Hz พร้อมโหมด Low input lag และรองรับทั้ง NVIDIA® G-SYNC® VRR (Variable Refresh Rate) จึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วทันใจในทุกจังหวะสำคัญ พร้อมช่องต่อ HDMI 2.1 เสริมอรรถรสรอบด้านด้วยเทคโนโลยี Dolby Atmos และ Dolby Vision IQ สมบูรณ์แบบทั้งเล่นเกมและชมภาพยนตร์ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านค้าตัวแทนจำหน่ายของแอลจี ในราคา 49,990 บาท ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lg.com/th/tv/lg-OLED48CXPTA หรือสอบถามข้อมูลที่ศูนย์ข้อมูลแอลจี 0-2878-5757
ข่าวเด่น