การตลาด
สกู๊ป ''ช่อง 3 - ช่อง 7'' เปิดศึก ''OTT-TV'' ขยายฐานลูกค้าพร้อมโกยรายได้เพิ่ม


เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตของผู้บริโภค คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันการรับชมทีวีผ่านหน้าจอมีการปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง  เพราะปัจจุบันการรับชมรายการต่างๆของทีวีมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์  โน๊ตบุ๊ค  แล็บท็อป  หรือมือถือ  ซึ่งพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมทีวีต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลง เช่น การนำคอนเทนต์ไปใส่ในแพลตฟอร์มของพันธมิตรอย่าง ยูทูป เฟซบุ๊กไลฟ์  Netflix  WeTV และ Viu เป็นต้น

แต่สำหรับช่องทีวีคอนเทนต์ของตัวเองเป็นจำนวนมาก  การจะใช้แพลตฟอร์มของพันธมิตรเป็นสื่อกลางในการเข้าถึงผู้บริโภคน่าจะทำได้ไม่ครอบคลุม ด้วยเหตุนี้หลายช่องจึงพยายามพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ของตัวเองขึ้นมา เห็นได้ชัดในปัจจุบันก็คือ การสร้างสถานีโทรทัศน์ออฟไลน์ก้าวสู่การเป็นสถานีโทรทัศน์ออนไลน์ (OTT-TV) ซึ่งในส่วนของแพลตฟอร์มที่กำลังมาแรงก็น่าจะเป็นในส่วนของแอปพลิเคชั่น เนื่องจากไม่มีข้อจำกัดในด้านของลิขสิทธิ์การแพร่ภาพในต่างประเทศ
 
ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ประกอบการทีวีจึงต้องพยายามพัฒนาแอปพลิเคชั่นให้ใช้งานง่าย และอัดคอนเทนต์ที่น่าสนใจเข้าไปให้ได้มากที่สุด เช่น ช่อง 3 และช่อง 7 ที่นอกจากจะดูรายการทีวีแบบสด และย้อนหลังผ่านแอปพลิเคชั่นได้แล้ว ปัจจุบันยังมีคอนเทนต์แบบเอ็กซ์คลูซีฟที่เผยแพร่เฉพาะในแอปพลิเคชั่น เพื่อให้ผู้ชมติดตามมาอย่างเหนียวแน่นอีกด้วย  
 
 
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ กรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจทีวี บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัว “CH3Plus Premium” ในรูปแบบบอกรับสมาชิกหรือ SVOD  เพื่อสร้างประสบการณ์การรับชมที่หลากหลายให้กับผู้ชม ด้วยการรับชมคอนเทนต์ที่มีความล้ำหน้ามากขึ้นแบบไม่มีโฆษณาคั่น ซึ่งผู้ชมสามารถดูคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า 10,000 ชม. ที่สำคัญไปกว่านั้น คือ Live chat กับนักแสดงในขณะที่ละครกำลังออนแอร์  ซึ่งแนวทางการดำเนินธุรกิจดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ Single Content Multiple Platform ที่สามารถดูสดคู่ขนาน (simulcast) พร้อมกับการออกอากาศของทีวีช่อง 3 ได้
 
นายวรุตม์ ลีเรืองสกุล รองกรรมการผู้อำนวยการ สำนักดิจิตอลและกลยุทธ์สื่อใหม่ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า CH3Plus Premium จะทำให้ผู้รับชมได้รับความบันเทิงแบบที่ไม่เคยได้จากที่ไหนมาก่อน และเป็นความบันเทิงที่มากกว่าแค่การดูรายการตามที่ชื่นชอบเท่านั้น เพราะ CH3Plus Premium จะมอบประสบการณ์ความบันเทิงแบบ Exclusive Content รวมทั้งฟีเจอร์สุดล้ำต่างๆ ที่จะยกระดับความสนุกของผู้ใช้ รวมทั้งยังมีกิจกรรมที่เป็นสิทธิพิเศษเฉพาะสมาชิกให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ CH3Plus Premium  ซึ่งหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทคาดว่าสิ้นปี 2564 จะได้ยอดสมัครสมาชิก CH3Plus Premium ไม่ต่ำกว่า 5 แสนคน 
 
 
เหตุผลที่ทำให้ช่อง 3 มั่นใจว่า CH3Plus Premium จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี  คือ การยกระดับความสนุกจาก CH3Plus มาสู่ CH3Plus Premium  เพื่อเป็นศูนย์รวมความบันเทิงออนไลน์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น การดูสดและดูย้อนหลัง ทั้งละครใหม่ ละครเก่า ซีรีส์นานาชาติ รวมถึงเพลงละคร โดยผู้ชมสามารถรับชมแบบยาว ๆ โดยไม่มีโฆษณาคั่น 
 
นอกจากนี้ ผู้ชมยังสามารถปรับสปีดการรับชมได้สูงสุดถึง 8 ระดับ โดยสามารถเร่งความเร็วของภาพได้สูงสุดถึง 2 เท่าของความเร็วปกติ และสโลได้ช้าสุดถึง 1 ใน 4 เท่า ฉากไหนที่อยากดูนานๆ หรือดูเร็วๆ ก็สามารถเร่งหรือสโลได้ทันที โดยที่ภาพในฉากนั้น ๆ จะไม่หายไปไหน
 
ด้านช่อง 7 ก็ออกมาปรับกลยุทธ์การทำตลาดของแอปพลิเคชั่น บักกาบูดอททีวี (Bugaboo.TV) เช่นกัน ด้วยการรีแบรนด์ฉลองครบรอบ 10 ปี ใน  เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ใหม่ของ Bugaboo.TV
 
 
นายจักรพันธ์ ลีละมาสวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บีบีทีวี นิว มีเดีย จำกัด ผู้บริหารสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 กล่าวว่า ปีนี้ Bugaboo.TV  ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ชมคนไทยให้ความสนใจรับชมรายการต่างๆ ทั้งสดและย้อนหลังผ่าน Bugaboo.TV  จำนวนมาก โดยคอนเทนต์ที่ผู้ชมให้ความสนในรับชมยังคงเป็นในส่วนของละคร นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของภาพยนตร์ ซีรีส์ต่างประเทศ และรายการลิขสิทธิ์ต่างๆ 
 
สำหรับกลยุทธ์ที่ช่อง 7 จะนำมาใช้ภายใต้ Bugaboo.TV โฉมใหม่ในทศวรรษใหม่นี้  คือ  การเพิ่มรายการออนไลน์ที่ผลิตเอง ด้วยคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ชมในแต่ละวัยทั่วประเทศ โดยการใช้ผลการวิจัยพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่นำมาปรับรูปแบบรายการ และระยะเวลาในการรับชม  ด้วยการเพิ่มเนื้อหาของคอนเทนต์ให้มีความหลากหลาย เช่น รายการวาไรตี้  ความยาวควรอยู่ระหว่าง 7 - 15 นาที แต่ถ้าเป็นซีรีส์ ต้องมีเนื้อหาความยาวของคอนเทนต์อยู่ที่ประมาณ 30 - 50 นาที เป็นต้น  
 
นอกจากนี้ ช่อง 7 ยังจะจับมือกับพันธมิตรหลักอย่าง ฟินฟิน แชนแนล (FINFIN Channel) โดย บริษัท บีวี มีเดียแอดส์ จำกัด ที่เป็นแอปพลิเคชันสื่อกลางระหว่างศิลปินนักแสดงช่อง 7HD และผู้นำทางความคิดในด้านต่างๆ ที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก เพื่อนำเสนอเนื้อหาการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ (Lifestyle Content) ผ่านทั้งรายการที่สร้างแรงบันดาลใจ (Passion) และรายการแนวตามติดชีวิตส่วนตัว (Vlog) สามารถชมได้เฉพาะทางบักกาบูดอททีวีเท่านั้น รวมถึงการเชื่อมโยงกลุ่มสมาชิกแฟนคลับของนักแสดงและผู้นำทางความคิดที่มีชื่อเสียงในรูปแบบของกิจกรรมออนไลน์และออฟไลน์ในการช่วยเหลือสังคม เพื่อสร้างความสัมพันธ์ของกลุ่มแฟนคลับและศิลปินให้ใกล้ชิดมากขึ้นผ่านทางฟินฟิน แชนแนล
 
 
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของ Bugaboo.TV ในช่วงไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปีนี้  ช่อง 7  มีแผนที่จะเพิ่มการผลิตคอนเทนต์ประเภทออริจินัลออนไลน์ซีรีส์ ที่ผลิตเอง เพื่อจับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่นและวัยทำงานทั่วประเทศ โดยเริ่มจากการเปิดตัวซีรีส์ 3 เรื่อง คือ “มัธยมบ้านเฮา” (ความร่วมมืออำนวยการผลิต ระหว่าง ฟินฟิน แชนแนล และ 7Star Studio) “ร้านยารักษารัก” และ “ฟิตเปรี๊ยะ” 
 
นายจักรพันธ์ กล่าวอีกว่า แอปพลิเคชัน Bugaboo.TV  จะดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์หลัก 4 ด้าน คือ 1.การนำเสนอรายการเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ชมออนไลน์ทุกวัยในรูปแบบรายการย้อนหลัง (Re-run) 2.รายการที่นำกลับมาทำใหม่ (Re-make)  3. การผลิตรายการที่ผลิตและสร้างสรรค์เอง โดยครีเอเตอร์หน้าใหม่ และ 4.การเพิ่มรายได้จากการดำเนินงาน  ด้วยการปรับหน้า UX/UI ให้ใช้งานง่าย และมีความทันสมัยเหมาะกับคนทุกเจเนอเรชัน 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 27 ก.พ. 2564 เวลา : 10:15:36
07-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 7, 2024, 6:23 pm