หลังจากเรตติ้งอยู่ท้ายตารางมาโดยตลอด ล่าสุดช่อง NEW 18 ก็ออกมาประกาศเชิงรุก ด้วยการผนึกเจ้าแม่คอนเทนต์อย่างบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เข้ามาเสริมทัพในด้านของคอนเทนต์ เพื่อเรียกเรตติ้ง เนื่องจาก JKN มีคอนเทนต์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ในประเทศหรือต่างประเทศ
การจับมือกันดังกล่าวถือว่าเป็นการทำธุรกิจที่ Win Win ด้วยกันทั้งคู่ เนื่องจากช่อง NEW18 เองก็มีจุดอ่อนในด้านของคอนเทนต์ ขณะที่ JKN เองก็ต้องการช่องทางในการต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันมีการขยายธุรกิจที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น การซื้อขายคอนเทนต์ การทำธุรกิจความงาม หรือการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งการได้ช่อง NEW 18 เป็นพันธมิตรในด้านของสื่อทีวีครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะทำให้ช่องทางการทำตลาดของ JKN มีความคล่องตัวมากขึ้น เนื่องจากสื่อทีวีสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมและทั่วถึงกว่าสื่ออื่นๆ
จากผลการสำรวจของ นีลเส็น ในช่วงเดือน ก.พ. 2564 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรตติ้งรวมของช่องทีวีดิจิทัล ช่อง NEW 18 มีเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ในลำดับที่ 16 ของจำนวนช่องทีวีดิจิทัลทั้งหมด มีอัตราเฉลี่ยของจำนวนผู้ชมทั่วประเทศอยู่ที่ 0.039 ขณะที่อันดับ 17 เป็นของช่อง TNN 16 และอันดับ 18 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายเป็นของช่อง 5 ถือเป็นเรตติ้งที่ต่ำมาก เนื่องจากรายการส่วนใหญ่ที่นำมาออกอากาศไม่สามารถดึงสายตาผู้ชมให้อยู่กับช่องได้ เพราะปัจจุบันผู้ชมยังคงมีพฤติกรรมการับชมคอนเทนต์ประเภทละคร และข่าวเป็นหลัก
ขณะเดียวกัน ก็มีพฤติกรรมการเปิดช่องแช่ไว้ เพราะมีความคุ้นเคย จึงทำให้ช่องทีวีน้องใหม่ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากผู้ชมเท่าที่ควร ซึ่งหลังจากจับมือกับ JKN ในครั้งนี้ช่อง NEW18 ก็มีความหวังว่าจะสามารถขยับเรตติ้งสูงขึ้นได้เป็นที่น่าพอใจ เพราะเรตติ้งที่สูงขึ้นจะนำมาซึ่งเม็ดเงินโฆษณาและรายได้
เช่นเดียวกับ JKN ที่มุ่งหวังว่าการจับมือร่วมกับช่อง NEW 18 ในครั้งนี้จะสามารถขยายแพลตฟอร์มเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจคอนเทนต์ และธุรกิจ Commerce ได้เป็นอย่างดี เพราะสื่อทีวีจะทำให้สามารถสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายสินค้าทางตรงให้กับผู้บริโภคได้ พร้อมกันนี้ ยังเป็นการตอกย้ำการเป็น Content Commerce Company ขององค์กร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น
นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN กล่าวว่า จากแผนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2564 ที่จะมุ่งเน้นไปที่การสร้างการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้น บริษัทจึงต้องเดินหน้านำจุดแข็งด้านธุรกิจคอนเทนต์ไปต่อยอด เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่กลุ่มธุรกิจ Commerce และผลักดันให้บริษัทก้าวไปสู่การเป็น Content Commerce Company อย่างแท้จริง โดยล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท ดีเอ็น บรอดคาสต์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจทีวีดิจิทัลช่อง NEW 18 ในรูปแบบ Business Model ที่หลากหลาย ด้วยการเข้าไปร่วมผลิตรายการข่าว และรายการใหม่ๆ รวมไปถึงการนำรายการต่างๆ ที่เป็นลิขสิทธิ์ของ JKN ไปออกอากาศทางช่อง NEW 18
การออกมาทำธุรกิจทีวีดิจิทัลในรูปแบบดังกล่าว นายจักรพงษ์ ให้เหตุผลว่า ได้คำนึงถึงและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. อย่างเคร่งครัด โดยผังรายการหลักของช่อง NEW 18 ยังคงเน้นไปที่คอนเทนต์ประเภทข่าวสาร และสาระความรู้เช่นเดิม โดยจะนำรายการข่าวมาออกอากาศรวม 7 ชม.ต่อวัน เช่น รายการเจาะข่าวเช้า ทันข่าวเที่ยง เกาะติดข่าวเย็น รายการ JKNCNBC Tonight รายการลิขสิทธิ์แบรนด์ดังระดับโลก และสารคดี
ส่วนคอนเทนต์ประเภทความบันเทิงอย่างซีรีส์จีน อินเดีย และฟิลิปปินส์ รวมไปถึงคอนเทนต์ที่ผลิตในประเทศของไทย จะให้ความสำคัญลำดับรองลงมา เพื่อสร้างฐานผู้ชม ซึ่งหากการร่วมกันทำธุรกิจในครั้งนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี JKN ก็มีแผนที่จะจับมือร่วมกับช่อง NEW 18 ในระยะยาว โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการตกลงร่วมมือทางธุรกิจ โดยในเร็วๆนี้จะมีการสรุปความคืบหน้าอีกครั้ง
นายจักรพงษ์ กล่าวต่อว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือในรูปแบบ Business Model ที่ผสานจุดแข็งระหว่างกันอย่างลงตัวทั้ง JKN และ ดีเอ็น บรอดคาสต์ เพื่อร่วมกันสร้างความเข้มแข็งให้แก่การดำเนินงานของ 2 บริษัท โดย JKN จะได้ประโยชน์จากการขยายแพลตฟอร์มการออกอากาศไปสู่ทีวีดิจิทัลจากเดิมที่ออกอากาศผ่านช่องทีวีดาวเทียม ซึ่งจะส่งผลให้ JKN สามารถหารายได้จากการขายเวลาโฆษณาได้มากขึ้น ขณะที่ช่อง NEW 18 จะได้ฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นจากผู้ชมที่ต้องการคอนเทนต์ข่าว ซึ่งเป็นรายการคุณภาพในการสร้างฐานผู้ชมทางช่องให้เพิ่มมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการช่วยส่งเสริมกลุ่มธุรกิจ Commerce ในด้านของการขยายฐานลูกค้าและการสื่อสาร โดยเฉพาะการประชาสัมพันธ์ในด้านของคุณภาพผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะเข้าถึงกลุ่มผู้ชมเป้าหมายได้โดยตรงมากขึ้น หรือ Direct to Consumer (D2C) ด้วยการซื้อเวลาโฆษณาหรือ Tie-in สินค้าเข้าไปในรายการที่ JKN ผลิตขึ้น ซึ่งการทำธุรกิจในรูปแบบดังกล่าวจะทำให้กลุ่มธุรกิจ Commerce ของ JKN ในปีนี้มีอัตราการเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งในปีนี้ JKN มีแผนที่จะเข้ามารุกทำการตลาดอย่างจริงจัง
นายจักรพงษ์ กล่าวปิดท้ายว่า ความร่วมมือกันระหว่าง JKN และ NEW18 ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญในการเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์ธุรกิจที่นำมาซึ่งความสำเร็จร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งในส่วนของบริษัทจะนำจุดแข็งในด้านของ Content ที่มีความหลากหลาย เข้าไปช่วยเสริมสร้างความน่าสนใจให้กับการออกอากาศของช่อง NEW 18 โดยบริษัทมั่นใจว่าคอนเทนต์ที่บริษัทมีจะสามารถทำให้ช่องNEW18 ได้รับความนิยมจากกลุ่มผู้ชมได้เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชมคอข่าว และคอละคร ในขณะเดียวกัน บริษัทเองก็จะได้ประโยชน์จากการขยายฐานกลุ่มผู้ชม จากแพลตฟอร์มทีวีดาวเทียมไปสู่ทีวีดิจิทัล และช่วยส่งเสริมกลุ่มธุรกิจ Commerce ในการขยายฐานกลุ่มลูกค้า เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขายให้แก่ธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพให้มีอัตราการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
ข่าวเด่น