อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของไทย นับเป็นอีกหนึ่งรายอุตสาหกรรมที่ทำรายได้อันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร ระบุว่า ช่วง 11 เดือน ของปี 2563 (ม.ค.-พ.ย.) ประเทศไทยมีการส่งออกสิ่งทอคิดเป็นมูลค่า 162,292 ล้านบาท ลดลง 18% ส่วนเครื่องนุ่งห่มมีมูลค่าการส่งออก 60,132 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2562 และมีแนวโน้มว่าจะยังคงปรับตัวลดลงต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราค่าระวางเรือที่เพิ่มสูงขึ้น และปัญหาตู้คอนเทนเนอร์ไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยในด้านของการระบาดของโควิด - 19 ที่ถึงแม้ว่าจะมีวัคซีนโควิด-19 แล้ว แต่วัคซีนดังกล่าวก็มีคุณสมบัติแค่ช่วยลดความรุนแรงของอาการเท่านั้น จึงยังทำให้โรคโควิด- 19 ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกในปี 2564 นี้ มีแนวโน้มการฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมดังกล่าวต้องปรับตัว ด้วยการหาทางออกในด้านต่างๆ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ
บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ Mc ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ออกมาปรับกลยุทธ์ในการทำการตลาด ด้วยการเดินหน้าขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลาดที่ Mc ให้ความสนใจเป็นพิเศษในช่วงเวลานี้ คือ การขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศ หลังจากก่อนหน้านี้ได้เริ่มชิมลางส่งออกสินค้าเข้าไปทำตลาดบ้างแล้วในประเทศเพื่อนบ้าน
นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หรือ Mc องค์กรธุรกิจค้าปลีก ประเภทสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปีนี้จะยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเข้าไปจับมือกับพันธมิตรในต่างประเทศที่ต้องการเข้าไปทำตลาด นำผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “แม็คยีนส์” เข้าไปทำตลาดในประเทศนั้นๆ
ล่าสุด แม็คกรุ๊ป ได้มีการลงนามสัญญาคู่ค้ากับพันธมิตรจากประเทศมาเลเซีย คือ บริษัท Heedspace Sdn Bhd ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านการสร้างแบรนด์ของประเทศมาเลเซีย ในการเข้ามาช่วยผลักดันให้แบรนด์ของ "แม็คยีนส์" ซึ่งเป็นยีนส์แบรนด์ของคนไทย เป็นที่รู้จักและจดจำของลูกค้าในต่างประเทศ ด้วยการทำการตลาดผ่านทั้งช่องทางตลาดออนไลน์และบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศ เพื่อผลักดันให้แบรนด์แม็คยีนส์ เข้าไปขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นางชนัญญารักษ์ กล่าวว่า การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท Heedspace Sdn Bhd ในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญตามนโยบายการขยายฐานลูกค้าไปยังต่างประเทศ โดยมีจุดมุ่งหมายคือต้องการสร้างการจดจำแบรนด์ในมาเลเซีย สิงคโปร์ และขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซียต่อไป
นอกจากนี้ การเข้าไปทำตลาดในประเทศมาเลเซียโดยผ่านพันธมิตร ยังถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการเข้าไปในวงการแฟชั่นประเทศมาเลเซีย จากปัจจุบันแบรนด์ แม็คยีนส์ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดยีนส์ของประเทศไทยได้สำเร็จ หลังจากทำการตลาดมานานมากว่า 45 ปี ซึ่งปัจจัยที่ทำให้แบรนด์ แม็คยีนส์ ประสบความสำเร็จ คือ การมีกลยุทธ์ในการทำตลาดที่ชัดเจน ทั้งการสร้างช่องทางการทำตลาดของตัวเองผ่านเว็บไซต์ mcshop.com, การพาสินค้าเข้าไปอยู่บนแพลตฟอร์ม e-Commerce อย่าง LAZADA, Shopee และการพาสินค้าขึ้นไปอยู่บนแพลตฟอร์ม Social Media อย่าง Facebook, Instagram และ LINE
สำหรับในส่วนของช่องทางจำหน่ายออฟไลน์ก็มีการเชื่อมโยงช่องทางการขายผ่านหน้าร้านกว่า 600 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกับเชื่อมต่อกับช่องทางออนไลน์อย่างไร้รอยต่อด้วย Omni-Channel Model เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้สามารถช้อปปิ้งได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านพนักงานขายที่มีประสิทธิภาพ
กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจดังกล่าวของ แม็คกรุ๊ป เริ่มเห็นภาพชัดเจนได้จากผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะงวดครึ่งปีแรกของปี 2564 ที่บริษัทมีการเติบโตของกำไรที่ดี โดยเฉพาะยอดขายในช่องทางออนไลน์ที่มีอัตราการเติบโตมากถึง 3 เท่าตัว ความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง ซึ่งในอนาคต แม็คกรุ๊ป มีแผนที่จะนำแพลตฟอร์มดังกล่าวไปสร้างธุรกิจในมาเลเซีย และเป็นโรลโมเดลสำหรับประเทศอื่นๆต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วง 3-4 เดือนแรกของปี 2564 นี้ บริษัทจะใช้ทรัพยากรในด้านต่างๆ ที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า โดยการให้ความสำคัญกับการตลาดและการสร้างการมองเห็นของแบรนด์ในโซเชียลมีเดีย ผ่านการใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นตัวดึงดูดให้ผู้บริโภคเข้ามาสู่แบรนด์แม็คยีนส์ โดยหวังจะให้แม็คยีนส์เป็นที่รู้จักในตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ได้ภายใน 1 ปี ด้วยการส่งคอลเลคชั่นสินค้าต่างๆ ที่เป็นโปรดักส์ฮีโร่เข้าไปทำตลาด ซึ่งการเข้าไปทำตลาดในต่างประเทศครั้งนี้ บริษัทถือว่าเป็นก้าวย่างในการทำธุรกิจที่สำคัญ เนื่องจากจะทำให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างการเติบโตให้กับบริษัทด้วยตลาดที่มีฐานลูกค้ากว้างขึ้น โดยแนวทางการทำธุรกิจดังกล่าวบริษัทมั่นใจว่าจะนำมาซึ่งยอดขายและรายได้ที่เติบโตมากขึ้น และส่งผลให้แผนการดำเนินธุรกิจระยะยาว3 ปี มีสัดส่วนรายได้มาจากต่างประเทศมากขึ้น
นางชนัญญารักษ์ กล่าวต่อว่า ช่องทางการขายผ่านออนไลน์ของบริษัทในขณะนี้ถือว่ามีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่ง และเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีท่ามกลางวิกฤตโควิด-19 ซึ่งจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าวทำให้บริษัทต้องเดินหน้าต่อ ด้วยการขยายตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ดี ก่อนหน้าที่ แม็คกรุ๊ป จะจับมือร่วมกับ บริษัท Heedspace Sdn Bhd ได้มีการจับมือร่วมกับอินเตอร์เนชั่นแนลพาร์ทเนอร์ (International Partner) เพื่อลุยทำการตลาดผ่านกลยุทธ์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ โดยการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดร่วมกัน ภายใต้ชื่อ Legend on Legend กับคอนเซปต์ “Mc Jeans, Everyday is a match day เพราะทุกวันคือการแข่งขัน” ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ แม็คยีนส์ เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เนื่องจากทั่วโลกจะได้เห็นโลโก้แบรนด์ แม็คยีนส์ ปรากฏในเกมส์การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของบรรดาทีมชั้นนำของลีก
ข่าวเด่น