ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดงาน สำหรับแรงงานที่มีความรู้ความสามารถทางด้านไอที เนื่องจากทุกองค์กรหันมาให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีมากขึ้น ประกอบกับปัจจุบันเทคโนโลยี มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ภาคธุรกิจต้องหันมาขับเคลื่อนองค์กรด้วยเทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ ซึ่งจากความต้องการของตลาดแรงงานในด้านดังกล่าว ส่งผลให้ค่าตอบแทนแรงงานสายงานไอทีมีอัตราจ้างเริ่มต้นตั้งแต่ 15,000 - 650,000 ต่อเดือน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติและประสบการณ์ เพราะถ้าหากใครมีประสบการณ์ทางด้านไอทีมาอย่างโชกโชนค่าแรงก็จะพุ่งสูงขึ้น เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งจากความต้องการที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้หลายองค์กรเริ่มออกมาประกาศแนะนำหน่วยงานเกี่ยวข้อง ให้หันมาพัฒนาแรงงานให้ตรงความต้องการของตลาด เพราะในอนาคตประเทศไทยมีแนวโน้มการขาดแคลนแรงงานด้านไอทีเป็นระดับประเทศเลยทีเดียว
นายไซมอน แมททิวส์ ผู้จัดการระดับภูมิภาคประจำประเทศไทย, แถบตะวันออกกลาง และเวียดนาม แมนพาวเวอร์กรุ๊ป กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานในปัจจุบันได้รับผลกระทบจากทั้งวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทำให้ภาคอุตสาหกรรม, ธุรกิจต่างๆ รวมทั้งแรงงานต้องปรับตัวให้พร้อม โดยเฉพาะบุคลากรสายงานไอทีที่นับเป็นกลุ่มงานที่ตลาดแรงงานมีความต้องการสูง และมีแนวโน้มการขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
จากการคาดการณ์ในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้าพบว่า ทิศทางความต้องการในสายงานไอทียังคงเติบโตเป็นแบบขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับจำนวนบุคลากรไอทีในตลาดงานที่ไม่เพียงพอและอยู่ในภาวะขาดแคลน โดยมี 4 ปัจจัยหลักเป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 การเติบโตของกลุ่มเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI), Robotic Process Automation (RPA), บิ๊กดาต้า (Big Data), คลาวด์ (Cloud), อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things-IoT) และฟินเทค (Fintech) เป็นต้น เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนเชิงธุรกิจทำให้โครงสร้างพื้นฐานไอทีของหลายๆ องค์กรเติบโตไปด้วย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้มีความต้องการบุคลากรไอทีจำนวนมากเข้ามาช่วยในส่วนนี้
ปัจจัยที่ 2 ทุกภาคส่วนของธุรกิจมีการเร่งทำดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่นเพื่อตอบโจทย์ประสบการณ์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคดิจิทัล ซึ่งกลุ่มที่เห็นได้ชัดก็คือ กลุ่มธนาคารและการเงิน ซึ่งปัจจุบันการใช้งานและธุรกรรมต่างๆ ทางการเงินทำได้ง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ รวมทั้งกลุ่มการประกันภัย การสื่อสาร ธุรกิจค้าปลีก และยังตามมาด้วยกลุ่มอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน, กลุ่มทรัพยากรบุคคล, ภาคการศึกษาและอุตสาหกรรมการผลิต เป็นต้น
ปัจจัยที่ 3 การเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, โลจิสติกส์ และธุรกิจเดลิเวอรี่ ที่ช่วยขับเคลื่อนให้กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องเติบโตตามไปด้วยอย่างมีนัยสำคัญ และปัจจัยสุดท้าย คือ การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด -19 ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในอัตราการเร่งให้ทุกองค์กรมีการปรับวิถีชีวิต และการทำงานสู่รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า วิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ทำให้รูปแบบการทำงานขององค์กรเปลี่ยนไปเป็นการทำงานแบบรีโมท (Remote Work) และทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) มากขึ้น
สำหรับคนที่ทำงานด้านไอที รูปแบบการทำงานแบบรีโมท (Remote Work) หรือทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด กลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลยีหลายๆ แห่ง นำรูปแบบการทำงานนี้มาใช้ซึ่งช่วยความยืดหยุ่นในการทำงานของคนทำงานไอที ปัจจุบัน ทำให้หลายๆ องค์กรมีการปรับรูปแบบการทำงานและกลยุทธ์เพื่อเตรียมพร้อมด้านเทคโนโลยีมากขึ้น จึงทำให้เกิดความต้องการทางด้านบุคลากรไอทีเพิ่มขึ้นไปอีกด้วย
อย่างไรก็ดี หากมาวิเคราะห์ที่ Demand การเติบโตของแรงงานไอทีในตลาด พบว่าในบางช่วงมีการชะลอตัวลงเช่นกัน โดยปี 2563 ที่ผ่านมาในช่วงไตรมาส 2 หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มมากขึ้นและกระจายไปในหลายประเทศทำให้เกิดการล็อคดาวน์ กลุ่มองค์กรมีการปรับแผนและชะลอการจ้างตำแหน่งงานใหม่ ซึ่งมีเหตุผลมาจากข้อจำกัดด้านงบประมาณ หรือยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ในอนาคต
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 3 และ 4 ของปี 2563 เริ่มมีการกลับมาของความต้องการบุคลากรด้านไอทีที่มากขึ้น จนทำให้เริ่มเกิดปัญหาในด้านของ Supply ในประเทศไทยและทั่วโลก และมีแนวโน้มว่าทั่วโลกจะประสบปัญหาการขาดแคลนด้านบุคลากรไอที
จากข้อมูลผลสำรวจการเติบโตของตลาดไอทีทั่วโลกของไอดีซีพบว่า ในระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2561 – 2565 ตลาดไอทีมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 25.8% ในขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจดิจิทัลในประเทศไทย ภายในปี 2565 คาดการณ์ว่าจะมีสัดส่วนการเติบโตอยู่ที่ 61% ของจีดีพี ส่งผลให้อัตราการจ้างงานด้านไอทีเติบโตควบคู่ไปด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าในปี 2566 ทั่วโลกจะเผชิญกับปัญหาขาดแคลนบุคลากรไอทีมากกว่า 2 ล้านตำแหน่ง
สำหรับประเทศไทย ปัจจัยหลักๆ ที่ ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลน ประกอบด้วย 1. กลุ่มคนรุ่นใหม่เลือกที่จะประกอบอาชีพอิสระ บางคนอาจมองข้ามหลักสูตรที่ใช้ไอที เนื่องจากพวกเขาพบว่าวิชาที่ใช้คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์นั้นยากและมีการแข่งขันสูง 2. มหาวิทยาลัยจำนวนมากเปิดสอนสาขาไอทีโดยเน้นที่ปริมาณมากกว่าคุณภาพ ซึ่งข้อมูลจากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ระบุว่า ประเทศไทยมีนักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาในสาขาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์จำนวน 5.7 แสนคนต่อปี แต่ทำงานตรงสายงานแค่เพียง 15% เท่านั้น และในแต่ละปีประเทศไทยสามารถผลิตบัณทิตด้านไอทีที่มีคุณสมบัติเพียงพอกับความต้องการของภาคธุรกิจได้ไม่เกิน 5,000 คน และ 3. บุคลากรไอทีที่มีคุณภาพจะเน้นเลือกทำงานกับองค์กรใหญ่ๆ และบริษัทข้ามชาติหรือบางส่วนก็ได้โอกาสไปทำงานที่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีแรงงานบางส่วนออกไปตั้งบริษัทที่ปรึกษาทางด้านไอทีของตัวเอง และบางส่วนมีการเปลี่ยนแปลงผันสายงานตัวเองจากไอทีไปทำในสายงานอื่นๆ ดังนั้น จะเห็นได้ว่าจาก 3 ปัจจัยดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าแรงงานด้านไอทีกำลังขาดแคลนอย่างมีนัยสำคัญ จึงอยากขอเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผนึกความร่วมมือกับภาคธุรกิจ เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง
ข่าวเด่น