ทองคำทางเทคนิคเกิดรูปแบบกลับตัว W Shape
คาดหุ้นสัปดาห์นี้ Sideway หลังปรับขึ้นแรงสัปดาห์ก่อน
ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบแคบตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากเฟดมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน อีกทั้งยังไม่ถึงเวลาที่คณะกรรมการเฟดจะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตร
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นจาก 1.58% สู่ 1.65% ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อราคาทองคำ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนเป็นต้นทุนค่าเสียโอกาสในการกู้ยืมเงิน
ดังนั้น ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก มองกรอบทองคำในสัปดาห์นี้ที่ 1,760-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยให้หาจังหวะซื้อเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากในทางเทคนิคเกิดรูปแบบกลับตัว W Shape ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานได้รับแรงหนุนจากเงินดอลลาร์ที่เริ่มอ่อนค่าลงและเฟดยังคงมาตรการดอกเบี้ยต่ำรวมถึงมาตรการ QE ต่อไป
ส่วนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่าน (30เม.ย.) ดัชนีหุ้นมีการเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ จากการปรับตัวขึ้นของดัชนีตลอดสัปดาห์ ตลาดจึงมีการพักตัว ประกอบกับมาตรการควบคุมโควิด-19 ของศบค. ส่งผลทางลบต่อหุ้น Domestic อาทิ กลุ่มร้านอาหาร ค้าปลีก และธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ประกอบกับแรงขายก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว โดยดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,583.13 จุด -7.33 จุด -0.46% มูลค่าการซื้อขาย 85,394 ล้านบาท
โดยฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีหุ้นสัปดาห์นี้ Sideway หลังปรับตัวขึ้นแรงสัปดาห์ก่อน โดยมีแรงหนุนจาก Fund Flow ต่างชาติที่เริ่มไหลกลับมา ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19รายใหม่ที่ชะลอตัวลง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,570 - 1,605 จุด
ส่วน 2 หลักทรัพย์ ที่น่าสนใจ ได้แก่ BEC โดยราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 10.2 บาท ราคาอยู่ในกรอบขาขึ้น โดยมี Volume สะสมต่อเนื่อง ล่าสุด MACD เพิ่งส่งสัญญาณ Bullish หากผ่าน High เดิมที่ 10.90 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 11.50 บาท โดยมีแนวรับที่ 9.90 บาท และมีจุด cutloss ที่ 9.84 บาท
และหุ้น WHAUP รรครปิดล่าสุดอยู่ที่ 4.78 บาท ทะลุ High เดิม พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ และ Slow Sto. เพิ่งส่งสัญญาณซื้อ คาดราคามีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 4.80 -5.00 บาท มีแนวรับที่ 4.54 บาท และมีจุด cutloss ที่ 4.50 บาท
ข่าวเด่น