หุ้นทอง
กองทุน ETF แบบไหนหนอ ที่เหมาะกับคุณ


สำหรับคุณๆ แล้ว น่าจะพอรู้จักกับกองทุน ETF (Exchange Traded Fund) มาก่อนแล้ว ซึ่ง ETF มีความคล้ายกับกองทุนรวมดัชนี (Index Fund) ที่เน้นสร้างผลตอบแทนด้วยวิธีอ้างอิงตามดัชนีที่กองทุนนั้นๆ เข้าไปลงทุน เช่น ดัชนีราคาหุ้นในประเทศ ดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ หรือดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เป็นต้น

จุดเด่นสำคัญที่ทำให้ ETF ต่างจาก Index Fund ก็คือ ETF เป็นกองทุนเปิดที่สามารถซื้อขายได้แบบ Real-Time ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เหมือนหุ้นตัวหนึ่งเลย โดยไม่ต้องรอลุ้นราคากองทุน ณ สิ้นวัน
 
 
แต่ปัญหาอยู่ที่ ETF ที่มีให้ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นมีเป็นสิบๆ กองทุน ทำให้มือใหม่ทั้งหลายตัดสินใจไม่ได้ หรือเลือกไม่ถูกว่าต้องซื้อกองไหนดี เพราะไม่รู้ว่าแต่ละกองมีนโยบายลงทุนเป็นอย่างไร และกองไหนจะเหมาะกับคุณ
วันนี้ มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอพาคุณๆ ไปเจาะลึกกองทุน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แบบเข้าใจง่ายๆ ว่าตัวไหนดี ตัวไหนเด่น ตัวไหนตอบโจทย์การลงทุนของเราที่สุด แต่ก่อนจะพาไปรีวิวแต่ละกอง อยากให้มาดูกันก่อนว่า ปัจจุบัน ETF ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 5 ประเภท
 
• Equity ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ
• Sector ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม
• Foreign ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ
• Bond ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้
• Gold ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ
 
เมื่อรู้จักประเภทของ ETF ที่มีอยู่ในตลาดแล้ว ก็ถึงเวลาทำความรู้จัก ETF รายกองทุนกัน โดยจะขอเริ่มที่ Equity ETF ว่าแต่ละกองมีข้อดี ข้อด้อยอย่างไรบ้าง? แล้วกองไหนเหมาะกับเรา!

Equity ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นในประเทศ

1DIV
 
ชื่อเต็มๆ ของ 1DIV คือ “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET High Dividend ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ SET High Dividend 30 Index หรือ SETHD ซึ่งดัชนี SETHD ถูกสร้างขึ้นเพื่อรวบรวมหุ้นปันผลสูงจำนวน 30 ตัว ดังนั้น การเลือกลงทุนใน 1DIV จึงเปรียบเสมือนกับการซื้อหุ้นปันผลสูงในดัชนี SETHD 30 ตัวพร้อมๆ กันในครั้งเดียว
หากมองจากดัชนีอ้างอิงแล้ว แน่นอนว่า 1DIV ย่อมต้องเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นปันผลสูง แต่ไม่อยากลงทุนในหุ้นเพียงตัวใดตัวหนึ่ง เนื่องจากต้องการกระจายความเสี่ยงไปด้วย แต่จะให้ซื้อหุ้นปันผลสูงทั้ง 30 ตัวใน SETHD ก็เกรงว่าต้นทุนจะสูงเกินไป ดังนั้น 1DIV จึงถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุนในหุ้นปันผลสูง ด้วยต้นทุนที่ไม่สูงนั่นเอง

BMSCG
 
ชื่อเต็มๆ ของ BMSCG คือ “กองทุนเปิด BCAP MID SMALL CG ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ BCAP Mid Small Cap CG Index TR
แล้วดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR คืออะไร? หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ ดัชนี BCAP Mid Small Cap CG Index TR คือ ดัชนีที่มีหลักการคัดเลือกหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีธรรมาภิบาล และมีสภาพคล่องสูงที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
 
BMSCG จึงเหมาะสำหรับผู้ที่คาดหวังผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวจากหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กที่มีธรรมาภิบาล แต่ต้องเป็นผู้ที่สามารถรับความผันผวนของหุ้นได้ด้วย

BMSCITH
 
ชื่อเต็มๆ ของ BMSCITH คือ “กองทุนเปิด BCAP MSCI THAILAND ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ MSCI Thailand ex Foreign Board Index ซึ่งถ้าพูดกันแบบง่ายๆ แล้วก็คือ ดัชนีที่ชาวต่างชาติมักจะใช้ดูเวลาจะลงทุนในหุ้นไทย คล้ายๆ กับ SET50 หรือ SET100 ของบ้านเรา ซึ่ง MSCI Index เป็นดัชนีที่มีการคัดขนาดของหุ้น รวมถึงสภาพคล่องสูง เพื่อให้นักลงทุนมั่นใจในการลงทุน นอกจากนี้ MSCI Index มักจะเป็นดัชนีที่ถูกนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับกองทุนต่างชาติ ด้วยการใช้เป็นเกณฑ์ในการวัดผลการลงทุน ทำให้ MSCI กลายเป็น Benchmark หรือดัชนีเทียบวัดผลที่นิยมแบบสากล
BMSCITH เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ ที่ยังไม่รู้จะเลือกหุ้นเองอย่างไร ก็เลยลงทุนในหุ้นไทยตามกองทุนต่างชาติ หรืออาจเรียกเป็นการลงทุนในหุ้นไทยตามสไตล์กองทุนต่างชาติ นอกเหนือจากการลงทุนในหุ้นไทยตาม SET50 หรือ SET100 ก็ว่าได้
 
TH100 และ BSET100
 
ETF ทั้งสองกองนี้มีความคล้ายกัน โดยชื่อเต็มๆ ของ TH100 คือ “กองทุนเปิดไทยเด็กซ์ SET100 ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด และชื่อเต็มๆ ของ BSET100 คือ “กองทุนเปิด BCAP SET 100 ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน บางกอกแคปปิตอล จำกัด
 
TH100 มีดัชนีอ้างอิง คือ SET100 Index ส่วน BSET100 มีดัชนีอ้างอิงคือ SET100 Total Return Index แน่นอนว่าความดีงามของ SET100 คือ เป็นหุ้นที่ผ่านการคัดกรองมาแล้วว่ามีพื้นฐานดี และมี Market Cap. สูงเป็น 100 อันดับแรก และไม่ใช่หุ้นที่กำลังจะถูกเพิกถอน หรือโดนระงับซื้อขายแน่ๆ เมื่อ TH100 และ BSET100 มีดัชนี SET100 และ SET100 TRI เป็นดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็สามารถเรียกได้ว่า ETF ทั้ง 2 กองนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปในหุ้นใหญ่พื้นฐานดีถึง 100 ตัวเลยทีเดียว
 
ทั้ง TH100 & BSET100 จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลตอบแทนใกล้เคียง SET100 และ SET100 TRI โดยการลงทุนใน ETF สองกองนี้ ถือเป็นการลงทุนหุ้นใน SET100 โดยใช้เงินลงทุนไม่สูง สามารถลงทุนแบบ DCA ได้ และสามารถลงทุนระยะปานกลางถึงระยะยาว

TDEX
 
ชื่อเต็มๆ ของ TDEX คือ “กองทุนเปิด ไทยเด็กซ์ เซ็ท 50 อีทีเอฟ” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำกัด โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี SET50 ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่ง ETF ที่นักลงทุนให้ความสนใจ เนื่องจากดัชนี SET50 เป็นที่สนใจของนักลงทุนทั้งรายใหญ่และรายย่อย
 
ดังนั้น เมื่อมีดัชนี SET50 เป็นดัชนีอ้างอิงแล้ว ก็สามารถเรียกได้ว่า ETF กองนี้เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถกระจายความเสี่ยงไปยังหุ้นใหญ่ถึง 50 ตัว อีกทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพงอีกด้วย
 
TDEX เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนตามตลาดหุ้นไทย หรือ SET50 และการต้องกระจายความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นใหญ่จาก SET50 ด้วยเงินลงทุนที่ไม่สูง อีกทั้งยังมีนักลงทุนอีกหลายๆ คนที่ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ DCA ในกองทุน TDEX

Sector ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

EBANK
 
ชื่อเต็มๆ ของ EBANK คือ “กองทุนเปิด KTAM SET BANKING ETF TRACKER” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ “SET Banking Sector Index” แน่นอนว่าดัชนีอ้างอิงของ ETF ตัวนี้คือ “หมวดธุรกิจธนาคาร” คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก หากคุณลงทุนใน ETF กองนี้ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารทั้งหมด ด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องมากเลย
 
EBANK เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชื่นชอบธุรกิจธนาคาร หรือคนที่ต้องการลงทุนตามวัฏจักรเศรษฐกิจ เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารถือเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่เรียกว่า “หุ้นวัฏจักร” (Cyclical Stocks) แต่การลงทุนในอุตสาหกรรมเดียว นักลงทุนต้องสามารถรับความผันผวนได้ระดับนึงด้วย

ENGY & ENY
 
ทั้ง 2 กองทุนนี้มีความคล้ายกันมาก โดยชื่อเต็มๆ ของ ENGY คือ “กองทุนเปิด MTRACK ENERGY ETF” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทหารไทย จำกัด ส่วนชื่อเต็มๆ ของ ENY คือ “กองทุนเปิด KTAM SET ENERGY ETF TRACKER” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยทั้งสองกองทุนนี้มีดัชนีอ้างอิง คือ “SET Energy & Utilities Sector Index” เหมือนกัน
 
ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลงทุนในอุตสาหกรรมกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากเช่นกัน หากคุณลงทุนใน ETF กองนี้ ก็เท่ากับว่าคุณกำลังซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค ด้วยเงินลงทุนที่ไม่ต้องมากเลย
 
ENGY & ENY เหมาะกับนักลงทุนที่ชื่อชอบในธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งถือว่าเป็นหุ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ (Cyclical Stocks) อีกกลุ่มหนึ่งเช่นกัน ขอย้ำอีกทีว่า... การลงทุนในอุตสาหกรรมเดียว นักลงทุนจำเป็นต้องสามารถรับความผันผวนได้ระดับนึง

Foreign ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาหุ้นต่างประเทศ

CHINA
 
ชื่อเต็มๆ ของ BSET100 คือ “กองทุนเปิดดับเบิลยูไอเอสอี เคแทม ซีเอสไอ 300 ไชน่า แทร็กเกอร์” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีดัชนีอ้างอิง คือ ดัชนี CSI 300 Index
 
เมื่อมีดัชนี CSI 300 Index เป็นดัชนีอ้างอิง ก็เดาไม่ยากว่า ETF ตัวนี้ต้องเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund โดยกองทุนนี้จะไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนแม่ที่มีชื่อว่า W.I.S.E-CSI 300 China Tracker เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับดัชนี CSI 300 ซึ่งดัชนี CSI300 Index เป็นดัชนีที่ประกอบด้วยหุ้น A-Shares 300 ตัวที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น / ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ซึ่งคัดเลือกจากหุ้นทั้งหมด 1,800 ตัวอีกที เรียกว่าเราได้กระจายการลงทุนในหุ้นจีนที่ถูกคัดมาเป็นอย่างดีแล้วนั่นเอง
 
CHINA จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ต้องการกระจายการลงทุนไปยังต่างประเทศ และต้องการที่จะเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนจากหุ้นจีนโดยใช้เงินทุนที่ไม่สูงมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าตอนนี้ตลาดหุ้นจีนมีความโดดเด่นเป็นอย่างมาก จากโอกาสในการเติบโตของเหล่าบริษัทจีนที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

Bond ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาตราสารหนี้

ABFTH
 
ชื่อเต็มๆ ของ ABFTH คือ “กองทุนเปิดดัชนีพันธบัตรไทยเอบีเอฟ” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด มีดัชนีอ้างอิง คือ iBoxx ABFTH Index
 
แล้วดัชนี iBoxx ABFTH คืออะไร? หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ ดัชนี iBoxx ABFTH คือ ดัชนีตราสารหนี้ภาครัฐ โดยกองทุนมีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลไทย หรือออกโดยภาครัฐที่มีรัฐบาลไทยเป็นผู้ค้ำประกัน จึงถือว่าเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ
 
เนื่องจากกองทุนไปลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุยาว จึงมีโอกาสที่ระยะสั้นอาจขาดทุนได้ ABFTH จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว ไม่ต้องการความเสี่ยงที่สูง และต้องการเงินปันผล เพราะกองทุนนี้มีนโยบายจ่ายปันผลไม่เกินปีละ 2 ครั้ง

Gold ETF : มุ่งสร้างผลตอบแทนอ้างอิงดัชนีราคาทองคำ

GLD
 
ชื่อเต็มๆ ของ GLD คือ “กองทุนเปิดเคแทม โกลด์ อีทีเอฟ แทร็กเกอร์” ออกโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดยมีดัชนีอ้างอิงคือ LBMA Gold Price AM USD
 
แค่ฟังชื่อคุณก็รู้แล้วว่า ETF กองนี้คือ “กองทุนทองคำ” ซึ่งกองทุนนี้ถือเป็นกองทุนประเภท Feeder Fund โดยมีกองแม่ คือกองทุน SPDR® Gold Trust ขึ้นชื่อว่าเป็นกองทุนทองคำแล้ว ก็จะเป็นกองทุนที่มีความเสี่ยงระดับ 8 หรือเสี่ยงสูง
 
GLD จึงเหมาะกับนักลงทุนที่ยอมรับความเสี่ยงได้สูง สนใจลงทุนหรือเก็งกำไรในทองคำ หรือต้องการบริหารพอร์ตแบบ Asset Allocation เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุนโดยรวม
 
เอาเป็นว่าคุณชอบกองทุน ETF ประเภทไหน ก็ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันดูว่า ETF แต่ละประเภทแตกต่างกันอย่างไร และคุณเหมาะกับกองทุนประเภทไหน
 
ส่วนคุณสนใจอยากเริ่มลงทุนใน ETF สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “รอบรู้ลงทุน ETF” ที่เวบไซด์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เลย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 12 พ.ค. 2564 เวลา : 16:05:39
07-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 7, 2025, 12:17 pm