หุ้นทอง
DeFi โอกาสหรือความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน


DeFi โอกาสหรือความเสี่ยงสำหรับนักลงทุน


ช่วงนี้คุณคงเคยได้ยินหรือได้เห็นคำว่า Decentralized Finance หรือ DeFi ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว

ซึ่ง DeFi ก็คือ การใช้บริการทางการเงินในรูปแบบใดก็ตาม โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง เช่น การฝากเงิน การกู้ยืมเงิน การลงทุน หรือการระดมทุนก็ตาม เดิมทีต้องอาศัยตัวกลาง คือ ธนาคารพาณิชย์ บริษัทหลักทรัพย์ เป็นต้น

วันนี้ มิสเตอร์ตลสดหลักทรัพย์ฯ และดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ขอบอกว่า แต่ในโลกของ DeFi การทำธุรกรรมเหล่านี้ ไม่ต้องผ่านตัวกลาง แต่อาศัยเทคโนลียีที่ชื่อว่า Blockchain และ Smart Contract เข้ามาช่วยจัดการ ด้วยคุณสมบัติของเทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการทางการเงินไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง

 
 
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่พัฒนาขึ้นมาด้วยเทคโนโลยี Blockchain และ Smart Contract จะถูกเรียกว่า DeFi นั่นเอง
 
ถ้าขยับให้เข้ามาใกล้ตัว คุณคงเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อขายสินทรัพย์ใหม่ ๆ เช่น บิตคอยน์ หรือ Cryptocurrencies อื่น ๆ ได้จากหลากหลาย Application แม้บางท่านอาจไม่แน่ใจว่าเงินของคุณไปอยู่ที่ไหน แต่ก็แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความ “เข้าถึงง่าย” และ “ไร้พรมแดน” นั่นก็เพราะ DeFi ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดตัวกลาง จนทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตรงหน้าอย่างรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
 
ด้วยความโดดเด่นนี้ นักลงทุนทุกตลาดจึงมีคำถามว่า การลงทุนธีม DeFi กำลังจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาลให้กับโลกการเงินในอนาคตใช่หรือไม่ และคนไทยอย่างเราควรมองเรื่องนี้เป็นโอกาสหรือความเสี่ยงอย่างไร ในมุมของการลงทุน DeFi เป็นหนึ่งในธีม Innovation ที่น่าสนใจด้วยเหตุผลสนับสนุนที่หลากหลาย ดังนี้
 

 

ประเด็นที่ 1 คือ เรื่องการลดต้นทุน

ตัวอย่างธุรกรรมที่ DeFi คาดว่าจะเข้ามามีบทบาทมากที่สุด คือ กลุ่มธุรกรรมระหว่างประเทศที่มีตัวกลางเยอะที่สุด เมื่อไม่มีตัวกลาง ข้อจำกัดเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของบางประเทศก็จะลดลง ส่งผลให้ต้นทุนในการทำธุรกรรมทั้งระบบ สามารถปรับลดลงได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นจุดเด่นของการลงทุนแนว Innovation
 
ประเด็นที่ 2 คือ เทคโนโลยีที่อยู่ในขั้นเริ่มต้น ทำให้มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด

ที่ชัดเจนที่สุด คือ กลุ่ม Digital Wallet และ Blockchain ที่การนำมาใช้ในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน ทำให้ผู้ประกอบการต่าง ๆ สามารถแข่งขันและพัฒนากันได้อย่างเสรี แม้ในมุมของผู้ใช้งานอาจมีความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่แทบทุก Platform ก็มี Crypto Asset ที่แตกต่างและหลากหลาย สร้างความสนใจให้กับนักเก็งกำไรได้อยู่เสมอ
 

 

ประเด็นที่ 3 คือ การตอบรับจากสังคมที่ดีมาก

ไม่ว่าจะเป็น Cryptocurrency ที่แม้จะมีความผันผวนสูง แต่นักลงทุนทั้งรายย่อยและสถาบันก็ให้การตอบรับมากขึ้น ในส่วนของ Fintech สังคมก็ประยุกต์ใช้ได้อย่างรวดเร็ว ใกล้ตัวที่สุดคือในประเทศไทยเอง ที่ข้อมูลจาก We Are Social และ Hootsuite ระบุว่า ในปี 2020 คนไทยทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking เป็นสัดส่วนถึง 68.1% ของธุรกรรมต่อเดือน คิดเป็นอันดับ 1 ของโลก

ขณะที่ในสหรัฐอเมริกา ทีมวิจัยของ ARK Invest ก็พบว่า ธุรกิจ Online Payment มีการใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 10% ต่อปี ติดต่อกันต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2017 มาจนถึงปัจจุบัน
 

 

DeFi มาพร้อมกับความเสี่ยงเฉพาะตัว
 
DeFi ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงเฉพาะตัว โดยประเด็นที่ต้องระวัง ก็คือ กฎระเบียบและการควบคุมที่ต้องเพิ่มขึ้นสูง เนื่องจาก DeFi และ Fintech คาบเกี่ยวกับอุตสาหกรรมที่กระทบกับผู้ใช้บริการในวงกว้าง (อาจไกลไปถึงต่างประเทศ)

ดังนั้น จุดที่ต้องระวังเป็นอันดับแรก คือ เรื่องความปลอดภัยในการทำธุรกรรม และแน่นอนว่าการเปลี่ยนแปลงของกฎเกณฑ์เกี่ยวกับธุรกิจนี้จะมีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วโลกไปพร้อมกับขนาดของอุตสาหกรรมที่ขยายตัว
 
ส่วนในระยะยาว สิ่งที่นักลงทุนต้องระลึกไว้เสมอ คือ DeFi ในปัจจุบันยังเป็นเพียงการ Disrupt ธุรกิจ Centralized Finance คือ การใช้บริการทางการเงินในรูปแบบเดิมที่ผ่านตัวกลาง จึงอาจไม่ได้มีส่วนแบ่งตลาดให้กับผู้ประกอบการรายใหม่มากมาย และในที่สุดผู้ประกอบธุรกิจเดิม ซึ่งมีความแข็งแกร่งทางการเงินและมีความน่าเชื่อถือสูง ก็อาจปรับตัวตามเทคโนโลยีได้ทัน ทำให้การแข่งขันแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้นไปอีก
 
ท้ายที่สุด ถ้าอยากลงทุน คุณควรมองแยกกันระหว่าง DeFi กับ Fintech และต้องมั่นใจว่าตัวนักลงทุนเองสามารถรับความเสี่ยงได้ในระดับสูง
 
โดยในปัจจุบัน นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึง DeFi ได้ผ่านการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในธีม Fintech หรือลงทุนทางตรงใน Crypto Asset ต่าง ๆ แม้ทั้งสองการลงทุนเหมาะเฉพาะกับคุณที่รับความเสี่ยงได้สูงเหมือนกัน แต่ทั้งสองแบบมีความเสี่ยงของตลาดที่แตกต่างกัน
 
โดยกลุ่มกองทุน Fintech มักมีความสัมพันธ์กับตลาดไปในทิศทางเดียวกันกับอุตสาหกรรมการเงินทั่วไป เนื่องจากมีธุรกิจที่ทำการเงินแบบดั้งเดิมรวมอยู่ด้วย ส่วนการลงทุนใน Crypto Asset โดยตรง จะเน้นความสัมพันธ์กับบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ Blockchain หรือ บิตคอยน์ จึงมีความสัมพันธ์กับตลาดต่ำ แต่ความผันผวนเฉพาะตัวที่สูง
 
ทั้งนี้ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ดังนั้น ก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง คุณควรศึกษาข้อมูลของสินทรัพย์ที่จะลงทุน ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และสำรวจตัวเองว่าสามารถรับความเสี่ยงได้มากน้อยเพียงใด โดยเฉพาะการลงทุนในสินทรัพย์และตราสารที่มีความเสี่ยงและมีความซับซ้อนสูง แม้ว่าจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่เพิ่มมากขึ้นก็ตาม
 
สำหรับมือใหม่ที่สนใจ เรียนรู้และเข้าใจผลิตภัณฑ์การลงทุนประเภทต่างๆ ผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงกระบวนการลงทุนที่เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อให้สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่เหมาะสมและมีพอร์ตการลงทุนที่ดีนำพาไปสู่การบรรลุเป้าหมายในอนาคตได้อย่างมั่นใจ สามารถเรียนรู้เพิ่มเติมผ่าน e-Learning หลักสูตร “ครบเครื่องเรื่องลงทุน” ได้ฟรี ที่เวบไซด์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 19 พ.ค. 2564 เวลา : 09:58:58
07-07-2025
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ July 7, 2025, 12:55 pm