ถือเป็นอีกหนึ่งศูนย์การค้าที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 พอสมควรสำหรับศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เนื่องจากเดิมทีกลุ่มลูกค้าหลักประมาณ 70% จะเป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ และอีก 30% เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทย ซึ่งหลังจากเจอปัจจัยลบดังกล่าวเลยทำให้ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ เซไปพอสมควร เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประทศไทยได้ ขณะที่กลุ่มลูกค้าคนไทยเองก็หันมาระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ต้องออกมาปรับกลยุทธ์ ด้วยการหันมารุกทำตลาดกลุ่มลูกค้าคนไทยมากขึ้น และเพื่อให้คนไทยหันมาเดินภายในศูนย์การค้ามากขึ้นศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จึงตัดสินใจพลิกวิกฤติเป็นโอกาส โดยการปรับโฉมภายในศูนย์การค้าครั้งใหญ่ หลังจากเปิดมานานกว่า 36 ปี โดย 40% ของพื้นที่ขายรวมหรือประมาณ 84,000 ตร.ม. จะมีการเปลี่ยนแปลงคอนเซ็ปต์ใหม่ภายใต้ชื่อ “ดึงคนไทยเดินห้างฯ” เพื่อปรับสัดส่วนกลุ่มลูกค้าคนไทยให้ขึ้นมาอยู่ที่ 50% เท่ากับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ
สำหรับพื้นที่ที่ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จะทำการปรับนั้น ประกอบบด้วย ชั้น G ฝั่งโตคิวเดิม จะมีการดึงร้านค้าแบรนด์ใหม่ ซึงลงทุนโดยบริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ขณะที่โซนด้านหน้าติดถนนพญาไทจะเป็นร้านอาหารภายใต้เชื่อ “ป้อน” นอกจากนี้ ในส่วนของโซนท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต ก็จะมีการขยายพื้นที่ให้ใหญ่ขึ้น
ส่วนชั้น 2 ฝั่งโตคิวเดิมจะมีการนำซูเปอร์มาร์เก็ต DON DON DONKI มาเปิดให้บริการบนพื้นที่ 3,000 ตร.ม. และเปิด 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นแฟลกชิปสโตร์สาขาใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขณะที่โซนด้านนอกจะเป็นร้านอาหารที่เน้นเปิดให้บริการยาวถึงเวลา 01.00 น. โดยประมาณ สำหรับชั้น 3 ฝั่งโตคิวเดิม บริเวณด้านในยังอยู่ระหว่างพิจารณาหาผู้เช่า ส่วนโซนด้านนอกจะเป็นโซน “ไทย-เทศ” ขายของฝากของดีของเมืองไทย
มาต่อที่ชั้น 4 ฝั่งโตคิว ซึ่งเดิมที่เคยเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ได้มีการปรับให้เป็นอาณาจักรไอที เพื่อให้ต่อเนื่องกับพื้นที่จำหน่ายสินค้าไอทีของชั้น 4 ขณะที่ชั้น 5 จะปรับเป็น Learning Hub และโซนธุรกิจบริการ เช่น สถาบันกวดวิชา และศูนย์บริการพาสปอร์ต เป็นต้น ส่วนชั้น 6 จะเป็นโคเวิร์กกิ้งสเปซและออฟฟิศ TTA Space by Draftboard และชั้น 7 ยังคงเป็นโซนโรงหนังเอสเอฟ ซีเนม่า และกิจกรรมความบันเทิงอย่างคาราโอเกะ โบว์ลิ่ง เธียเตอร์ BNK48 ร้าน Animate และตู้เกม ซึ่งการปรับโฉมพื้นที่ดังกล่าวศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์คาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จะมีการปรับแผนรุกออกมาในรูปแบบดังกล่าว แต่ก็น่าจะยังไม่เพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ในประเทศไทยยังถือว่าอยู่ในภาวะทรงตัว เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับ 4 หลัก ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังคงต้องทำงานอยู่ที่บ้าน (work from home) เพื่อลดการติดเชื้อ และเพื่อให้ผู้บริโภคที่อยู่บ้านก็สามารถช้อปปิ้งสินค้าต่างๆภายในศูนย์การค้าได้ เอ็มบีเค จึงได้มีการปรับกลยุทธ์ด้วยการจับมือร่วมกับแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่อย่าง ลาซาด้า (LAZADA) เชื่อมประสบการณ์การช้อปปิ้งที่ผสมผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ (Seamless Shopping Experience)
นายสมพล ตรีภพนารถ กรรมการผู้จัดการธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตามกลยุทธ์ Online to Onground ที่ต้องการสร้างการมีส่วนร่วม (Engagement) และสร้างความผูกพันระหว่างแบรนด์และกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ควบคู่กับการทำการตลาดสื่อสารแบรนด์ให้เข้าไปอยู่ในกระบวนการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการของกลุ่มลูกค้า ดึงดูดให้เข้ามาใช้บริการในศูนย์ฯ (Customer Journey) ซึ่งบริษัทได้ศึกษาพฤติกรรมกลุ่มลูกค้าวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษา พบว่า หันมาช้อปปิ้งออนไลน์กันมากขึ้น
ขณะเดียวกัน ก็ใช้เวลาช้อปปิ้งในศูนย์การค้าช่วงวันหยุด ด้วยเหตุนี้ ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จึงให้ความสนใจขยายช่องทางการทำตลาดผ่านช่องทางออนไลน์ โดยการเปิดตัวร้านค้าบนแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซ เพื่อขยายการให้บริการภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่านร้าน MBK Center@Lazada
สำหรับสินค้าที่นำมาจำหน่ายภายในร้าน MBK Center@Lazada ศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ จะมีการสลับหมุนเวียนสินค้าจากร้านค้าชั้นนำภายในศูนย์ฯ ทำให้สินค้ามีความหลากหลายและตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบครัน อาทิ อุปกรณ์เสริมโทรศัพท์มือถือ เบอร์สวยเบอร์มงคล สินค้าแฟชั่น สินค้าของสะสม โมเดลการ์ตูนชื่อดัง ผลิตภัณฑ์สปา รองเท้าและเครื่องหนัง ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม นาฬิกา และอื่นๆ อีกมากมาย
นอกจากนี้ ยังได้มีการจัดแคมเปญเมื่อซื้อสินค้าครบตามที่กำหนดและกดติดตามร้านค้า MBK Center@Lazada รับส่วนลดทันที 30 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 30 มิ.ย. 2564 และสมาชิก MBK Application ยังสามารถนำใบเสร็จการสั่งซื้อสะสมคะแนน MBK POINTS ได้อีกด้วย MBK Center@Lazada ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สินค้าขายดี ได้แก่ เบอร์มงคล เบอร์สวย Gadget โดยเฉพาะช่วง Work from Home ยอดขายสินค้าประเภทดังกล่าวขายดีเท่าตัว การนำสินค้าขึ้นไปไว้บนแพลตฟอร์มออนไลน์จึงเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการร้านค้าในศูนย์ฯ และเป็นการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆให้กว้างขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น ลูกค้าสามารถช้อปสินค้าจากร้านค้าชั้นนำต่างๆ ในศูนย์การค้าเอ็มบีเค เซ็นเตอร์ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนการนำเสนอสินค้าหรือการไลฟ์สดขายของผ่านเฟซบุ๊ก ภายใต้ MBK Live Market เป็นอีกกลยุทธ์การทำการตลาดผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital Marketing) เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างมากขึ้นสู่การขยายฐานผู้ใช้บริการกลุ่มใหม่ ๆ และช่วยเหลือร้านค้าในการเพิ่มยอดขาย โดยจะมีการไลฟ์ขายสินค้ากันทุกวันพุธ
นายสมพล กล่าวต่อว่า ปัจจุบันลูกค้ามีความหลากหลาย มีความต้องการ ความสนใจและการรับรู้สื่อแตกต่างกันไป การนำเสนอสินค้าผ่าน Facebook Live จึงเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบการซื้อสินค้าผ่านการ Live ที่มีความสนุกสนานและมีการโต้ตอบระหว่างพิธีกรกับลูกค้าได้ทันที ซึ่งบริษัทได้มีการสร้างห้องสตูดิโอที่มีมาตรฐาน พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการไลฟ์ และสร้างประสบการณ์ในการไลฟ์ที่ดีให้กับลูกค้า
ข่าวเด่น