ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ด้วยการดึงหญิงเก่งของวงการธุรกิจไทยอย่าง “นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์” แม่ทัพใหญ่จาก DHL องค์กรโลจิสติกส์ระดับโลก มากุมบังเหียนใหญ่ของ แม็คกรุ๊ป ด้วยการนั่งในตำแหน่ง “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” แทนนางสุณี เสรีภาณุ ที่จะขึ้นรับตำแหน่งรองประธานกรรมการ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ธุรกิจของ แม็คกรุ๊ป กลับมาคึกคักอีกครั้ง เนื่องจากนางชนัญญารักษ์ เป็นผู้มีประสบการณ์ในด้านของการบริหารโลจิสติกส์ระดับโลกอย่าง DHL นอกจากนี้ ยังมีประสบการณ์การเป็นผู้นำบริหารองค์กรระดับโลกอย่างมืออาชีพในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หรืออุตสาหกรรมโทรคมนาคม อย่างเช่น ORACLE และ MOTOROLA ซึ่งหากรวมระยะเวลาทั้งหมดก็มากกว่า 30 ปี
หลังจากได้รับตำแหน่ง นางชนัญญารักษ์ ก็เดินหน้า สร้างจุดเปลี่ยนให้กับทุกองค์กร ด้วยผลงานที่เติบโตอย่างโดดเด่นทั้งรายได้และกำไร จนสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า,พนักงาน และผู้ถือหุ้น เนื่องจากแม็คกรุ๊ป มีจุดเด่นขององค์กรทั้งในด้านของคุณภาพ (Quality), ความทันสมัย (Fashion), การสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience), ความครอบคลุม (Comprehensive) การมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง เห็นได้จากการมีส่วนแบ่งการตลาด (Market Share) สูงสุด 40% ในตลาดผลิตภัณฑ์ยีนส์
จากความสำเร็จที่ได้รับในช่วงแรกทำให้นางชนัญญารักษ์ มีเป้าหมายที่จะพา แม็คกรุ๊ป ก้าวไปสู่เป้าหมาย New S-Curve ด้วยการสร้างนวัตกรรมต่อยอดธุรกิจหลัก เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะผลักดันให้ แม็คกรุ๊ป มียอดขาย และอัตรากำไรที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เพื่อยกระดับศักยภาพของ แม็คกรุ๊ป ให้เป็นองค์กรที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าองค์กรระดับโลก
แต่จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วงปี 2563 ที่ไม่ได้มีปัจจัยลบแค่การชะลอตัวของเศรษฐกิจและกำลังซื้อเท่านั้น แต่มีปัจจัยลบในด้านของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เกิดขึ้นด้วย ทำให้ แม็คกรุ๊ป ได้รับผลกระทบมากพอสมควร เนื่องจากสินค้าที่ แม็คกรุ๊ป จำหน่ายถือว่าอยู่ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย ส่งผลให้ภาพรวมผลการดำเนินงานปีบัญชี 2563 (1 กรกฎาคม 2562 – 30 มิถุนายน 2563) มีรายได้จากการขาย จำนวน 3,182 ล้านบาท ลดลง 4.8% หลังจากไตรมาส 4/63 (เม.ย.-มิ.ย. 2563) ทำได้ 550 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิทำได้ที่ 407 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 33.1% เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ แม็คกรุ๊ป ต้องหันมาปรับกลยุทธ์ในการทำตลาด ด้วยการหันมาขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกัน ก็เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานของ แม็คกรุ๊ป ยังเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ งวดไตรมาส 3 ปี 2564 (ม.ค-มี.ค. 2564) จำนวน 93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้งวดรวม 9 เดือน ปี 2564 (ก.ค. 2563 - มี.ค. 2564) มีกำไรสุทธิ 430 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 368 ล้านบาท โดยมาจากรายได้จากการขายที่เติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของไตรมาส 3 มีรายได้รวมอยู่ที่ 776 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากงวดเดียวกันปีก่อน และงวดรวม 9 เดือนมีรายได้ที่ 2,633 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6%
อย่างไรก็ดี แม้ว่า แม็คกรุ๊ป จะไม่ได้รับผลกระทบในด้านของผลประกอบการที่ลดลงเหมือนกับองค์กรอื่นๆ แต่ภายในองค์กรก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมา นางชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ได้โบกมือลาจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทำให้ แม็คกรุ๊ป ต้องสรรหาผู้มีความสามารถมานั่งในตำแหน่งดังกล่าวอีกครั้ง
น.ส.สุณี เสรีภาณุ ผู้ถือหุ้นใหญ่ และรองประธานกรรมการ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ผู้บริหารแบรนด์แฟชั่นยีนส์สัญชาติไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติแต่งตั้ง นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ เข้าร่วมทีมบริหารของบริษัท โดยเข้ามาดำรงตำแหน่ง รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน นายวิรัช เสรีภาณุ ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2564 เป็นต้นไป โดยการเข้ามาร่วมทีมบริหารของนายเจมส์ในครั้งนี้ แม็คกรุ๊ป มั่นใจว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการทำงานด้านธุรกิจค้าปลีกแฟชั่นไลฟ์สไตล์และอีคอมเมิร์ซทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศที่นายเจมส์มี จะสามารถเข้ามาร่วมขับเคลื่อนธุรกิจของ แม็คกรุ๊ป ให้เติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
เหตุผลที่ทำให้คณะกรรมการบริษัทของ แม็คกรุ๊ป เลือกนายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ เข้ามาร่วมทำงานในครั้งนี้ เนื่องจากนายเจมส์อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงมามากว่า 25 ปี ด้วยประสบการณ์การบริหารบริษัทที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค เช่น ประเทศจีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ รวมถึงการทำงานกับบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง เช่น P&G Coca-Cola Johnson &Johnson ตลอดจนมีประสบการณ์การเป็นผู้บริหารในบริษัทมหาชนที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กล่าวได้ว่าการเข้ามาของนายเจมส์ในครั้งนี้ สอดคล้องกับกลยุทธ์และแผนการเติบโตของ แม็คกรุ๊ป ในการทำธุรกิจแฟชั่นไลฟ์สไตล์ที่มีช่องทางการขายในรูปแบบ Omni Chanal อย่างเต็มรูปแบบ เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า ทั้งในช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ
ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ จะเข้ามาร่วมทีมบริหารของแม็คกรุ๊ป นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ เคยดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีหน้าที่รับผิดชอบในการวางกลยุทธ์พัฒนาการเติบโตของธุรกิจด้านไลฟ์สไตล์ของไมเนอร์ฯ ซึ่งจากประสบการณ์ดังกล่าว ทำให้ แม็คกรุ๊ป มั่นใจว่านายเจมส์ จะเข้ามาช่วยผลักดันให้ยอดขายสินค้าของ แม็คกรุ๊ป เติบโตดีขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน
สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 4 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย. 2564 นี้ แม็คกรุ๊ป ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ เพื่อผลักดันให้ปิดรอบบัญชีปี 2564 มีผลประกอบการเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แม้ว่าจะมีวิกฤตโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรอบ 3 แต่ แม็คกรุ๊ป ก็ยังมั่นใจว่าจะสามารถสร้างการเติบโตและมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี เพราะหันมาให้ความสำคัญกับการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีอัตราการเติบโตที่ดี เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าด้วยการออกสินค้าคอลเลคชั่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น