หนึ่งในเป้าหมายการเงินที่มีความสำคัญสำหรับทุกคน นั่นก็คือ “เป้าหมายเกษียณ” ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม แต่สุดท้ายแล้ว คุณจะต้องเดินทางไปสู่การเกษียณอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่เป้าหมายนี้มักถูกละเลยด้วย โดยเฉพาะในคนที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นวัยทำงาน เพราะมองว่าอีกนานกว่าจะไปถึง ไม่รู้จะต้องรีบคิด รีบเก็บออมเพื่อเกษียณไปทำไม
มิสเตอร์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ขอบอกว่า แม้เวลาที่ว่านานนั้น แต่แท้จริงกลับผ่านไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งคุณเองก็อดแปลกใจไม่ได้ ย้อนกลับไปในปี 2551 วิกฤติการณ์ซับไพรม์ (Subprime Crisis) ที่เขย่าขวัญคนทั้งโลกมาแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านไปเกิน 10 ปีแล้ว จนเรากำลังเจอกับวิกฤติรอบใหม่จาก วิกฤติ COVID-19 ในปัจจุบัน
ดังนั้น การออมเงินเพื่อเกษียณ จึงถือเป็นสิ่งที่จำเป็นที่ช่วยให้การใช้ชีวิตในช่วงวัยเกษียณของคุณ มีความราบรื่นสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีไม่ต่างกันกับก่อนเกษียณมากนัก นี่ยังไม่นับรวมเอาค่าใช้จ่ายที่อาจทำให้คุณต้องสะดุดในยามที่มีความจำเป็นต้องการใช้เงินเพื่อแก้ปัญหาอย่างด้านสุขภาพที่ทุกคนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เข้าไปอีกด้วยนะ
ถึงจุดนี้ คุณเห็นแล้วว่า “เป้าหมายเกษียณ” นั้น อาจสำคัญกว่าที่คุณคิดไว้มากทีเดียว แล้วตัวเลขเท่าไรดีล่ะสำหรับเป้าหมายเกษียณนี้ ถ้าอยากมีเงินใช้เดือนละ 16,667 บาท ไปอีก 20 ปีหลังเกษียณ (เกษียณอายุ 60 ปี) ถือว่าดีกว่าเงินเดือนขั้นต่ำในปัจจุบันที่ 15,000 บาท คุณก็ต้องมีเงินตอนเกษียณ 4 ล้านบาท โดยประมาณ
ซึ่งการจะไปถึงเป้าหมายนี้ มี 3 สิ่งที่ควรคำนึงถึง ได้แก่
1. “ออมก่อน ใช้เงินน้อยกว่า” ยิ่งเริ่มไวเท่าไหร่ก็ยิ่งดีจะทำให้เราถึงไปถึงเป้าหมายได้ไวเท่านั้น และใช้จำนวนเงินในการออมไม่สูงมากนักเพราะมีระยะเวลาในการเก็บออมที่ยาวกว่านั่นเอง
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเริ่มออมเงินเร็วตอนอายุ 25 ปี นำไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปี คุณจะเก็บเงินเพียงเดือนละ 3,000 บาท เพื่อจะมีเงิน 4 ล้านบาทตอนเกษียณ แต่ถ้าคุณเริ่มต้นออมเงินช้า มาเริ่มตอนอายุ 45 ปี คุณจะต้องเก็บเงินต่อเดือน 15,000 บาท เพื่อบรรลุเป้าหมายเดียวกัน จะเห็นว่าแม้จะเป็นเป้าหมายเดียวกัน แต่เริ่มต้นออมต่างกันก็ใช้เงินออมที่แตกต่างกัน
แล้วจะไปหาผลตอบแทนเฉลี่ย 6% ต่อปีจากที่ไหน การลงทุนระยะยาวในหุ้นยังเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การสร้างความมั่งคั่งให้เงินคุณเติบโตได้ดีสุด อย่างเช่น กลุ่ม กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ ที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี อยู่ที่ 5.90% ต่อปี (ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย), ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64 แบ่งประเภทกองทุนตาม Morningstar Category)
ในขณะที่กลุ่ม ‘กองทุนหุ้นโลก’ ก็สร้างผลตอบแทนในช่วงระยะเดียวกันได้เฉลี่ยถึง 7.0% ต่อปี (ที่มา: บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย), ข้อมูล ณ วันที่ 31 มี.ค. 64) เป็นต้น
2. วางเงินถูกที่ ช่วยลดระยะเวลาในการออมได้” แต่สิ่งสำคัญอีกหนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงและไม่ควรละเลย ก็คือการออมเงินให้ ถูกที่-ถูกทาง เพื่อให้เงินของคุณได้ทำงานเต็มศักยภาพคุ้มค่ากับที่เราอุตส่าห์เหนื่อยหาเงินมาแล้วด้วยเช่นกัน
ตัวอย่างเช่น เพื่อให้เห็นภาพ หากคุณต้องการมีเงิน 1 ล้านบาท โดยออมเงินเดือนละ 3,000 บาท ด้วยการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนแตกต่างกันนั้น จะพบว่าถ้าการลงทุนนั้นมีผลตอบแทนเฉลี่ย 1% ต่อปี คุณต้องเก็บเงินเป็นระยะเวลา 25 ปี เพื่อจะบรรลุเป้าหมายเงิน 1 ล้านบาท
แต่ถ้าคุณนำเงินออมไปลงทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8% ต่อปี คุณจะใช้เวลาลดลงเหลือ 15 ปี ก็บรรลุเป้าหมายมีเงิน 1 ล้านบาทได้ โดย ‘ประหยัดเวลาได้ถึง 10 ปี’ เลยทีเดียว ดังนั้นการวางเงินให้ ‘ถูกที่-ถูกทาง’ นั้น ก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เงินทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและช่วยย่นระยะเวลาให้แก่ผู้ที่วางเป้าหมายทางการเงินได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นคุณจะเห็นว่าสิ่งที่เป็นปัจจัยต่อการเติบโตของเงินลงทุนของคุณ จะประกอบด้วย เงินออม ผลตอบแทน และ ระยะเวลาในการลงทุน แม้คุณจะเริ่มต้นออมเร็ว แต่หากไปเลือกออมไว้ ‘ผิดที่-ผิดทาง’ ที่ให้ผลตอบแทนต่ำคุณก็อาจต้องออมเงินด้วยเงินที่มากเพื่อบรรลุเป้าหมาย หรืออาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมายเกษียณที่วางเอาไว้ได้เลยทีเดียว”
3. บริหารเวลาให้คุ้มค่า วางแผนออมเงินดีมีชัยกว่า” เพราะในชีวิตเรามีเป้าหมายที่หลากหลายและแตกต่างกันไป แต่ถ้าจัดกลุ่มดูแล้วจะสามารถแบ่งเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่ม สำคัญ แต่เร่งด่วน กลุ่มสำคัญแต่ไม่เร่งด่วน กลุ่มไม่สำคัญแต่เร่งด่วน และกลุ่มไม่สำคัญแต่ไม่เร่งด่วน
ดังนั้น การออมเพื่อเกษียณ นอกจากจะต้องลงทุนให้ถูกที่ถูกทางแล้ว ตัวช่วยที่ดีอีกหนึ่งก็คงเป็นเรื่องเวลา เพราะยิ่งหากเริ่มต้นได้ไวเท่าไหร่จำนวนเงินที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายก็อาจจะไม่สูงเท่ากับไปเริ่มช่วงที่จะใกล้วัยเกษียณอย่างแน่นอน วันนี้คุณเริ่มต้นออมเงินเพื่อเกษียณแล้วหรือยัง
ข่าวเด่น