เป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจที่ปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี สำหรับตลาดรวมขนมขบเคี้ยว แม้ว่าปีที่ผ่านมาจะค่อนข้างได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มากพอสมควร แต่หากดูแนวโน้มตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาถือว่ามีการปรับตัวดีขึ้น จนทำให้มีการออกมาประเมินว่า ในปี 2564 นี้ ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวน่าจะมีอัตราการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 5% เนื่องจากปัจจุบันผู้ประกอบการออกมาปรับตัวพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ภายหลังพบผู้บริโภคหันมาบริโภคขนมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดขนมขบเคี้ยว หันมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ทำลายสุขภาพ พร้อมกับเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ยังคงไว้ซึ่งความอร่อย ซึ่งการปรับสูตรขนมออกมาในรูปแบบดังกล่าวถือว่ามีความแตกต่างไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากก่อนหน้านี้ขนมขบเคี้ยวส่วนใหญ่จะอุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรด โซเดียม น้ำตาล และไขมัน ซึ่งไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
จากจุดเปลี่ยนดังกล่าว ทำให้ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวมีแนวโน้มการเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น เห็นได้จากอัตราการขยายตัวของตลาด โดยในปี 2559 ตลาดรวมมีมูลค่าอยู่ที่ 33,266 ล้านบาท ปี 2560 มีมูลค่าเพิ่มเป็น 35,195 ล้านบาท ปี 2561 มีมูลค่าเพิ่มเป็น 37,236 ล้านบาท ปี 2562 มีมูลค่าอยู่ที่ 38,836 ล้านบาท และปี 2563 ที่ผ่านมา มีมูลค่าอยู่ที่ 33,731 ล้านบาท ปรับตัวลดลงมาประมาณ 8.4% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบโควิด-19
แม้ว่าปีที่ผ่านมาตลาดขนมขบเคี้ยวจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่จากปีนี้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้ตลาดรวมขนมขบเคี้ยวเริ่มกลับมาคึกคัก เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการออกมาเปิดตัวสินค้าใหม่ ออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย และขยายช่องทางการทำตลาดมากขึ้น
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SNNP ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว ภายใต้แบรนด์ เบนโตะ,โลตัส และเจเล่ เป็นต้น กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากนี้ บริษัทจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการทำตลาดมากขึ้น ด้วยการหาช่องทางการทำตลาดใหม่ๆ เข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ หรือการจำหน่ายสินค้าผ่านตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ จากปัจจุบันบริษัทมี บริษัท สิริ โปร จำกัด เป็นตัวแทนในการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคอยู่แล้วจำนวน 1 ราย
สำหรับรูปแบบการกระจายสินค้าของบริษัท สิริ โปร ที่ดำเนินการนั้น ได้มีการใช้เทคโนโลยีระบบโลจิสติกส์ (Logistics) ที่ทันสมัยเข้ามาช่วย เพื่อให้การกระจายสินค้ามีความรวดเร็วและแม่นยำ โดยปัจจุบัน บริษัท สิริ โปร มีศูนย์กระจายสินค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศจำนวน 11 แห่ง สามารถกระจายสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มร้านค้าปลีกได้ประมาณ 70,000 ร้านค้า และร้านค้าส่งดั้งเดิมประมาณ 3,600 ร้านค้า
อย่างไรก็ดี เพื่อให้การกระจายสินค้ามีความครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ล่าสุดเมื่อเดือนมี.ค.2564 ที่ผ่านมา บริษัท ศรีนานาพรฯ ได้จับมือร่วมกับบริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ชั้นนำของประเทศไทย ร่วมกันลงทุนในบริษัท สิริ โปร จำกัด โดย บริษัท บุญรอดเทรดดิ้ง จำกัด ถือหุ้นในสัดส่วน 30% ขณะที่บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นที่สัดส่วน 50% และที่เหลืออีกประมาณ 20% เป็นการถือหุ้นของทีมผู้บริหารในบริษัท สิริ โปร จำกัด
นายวิวรรธน์ กล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าว ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท สิริ โปร ซึ่งเป็นหัวหอกในการกระจายสินค้าให้กับช่องทางร้านค้าแบบดั้งเดิม (Traditional Trade) ซึ่งบริษัทจะยังคงเดินหน้าขยายช่องทางการทำตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการกระจายสินค้าเข้าไปในช่องทางร้านค้าสมัยใหม่ (Modern Trade) ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีแผนที่จะขยายช่องทางจำหน่ายไปในส่วนของแพลตฟอร์มออนไลน์ (E-Commerce) และเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่
นอกจากนี้ ยังจะให้ความสำคัญกับการขยายช่องทางการทำตลาดในต่างประเทศ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าในประเทศกัมพูชา ซึ่งล่าสุดได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชา คือ S.C Food Products Co., Ltd., STVV Development Co.,Ltd. และ S.C Food Trading Co.,Ltd. เป็นผู้ทำตลาดและจัดจำหน่ายสินค้าใหม่ ซึ่งหลังจากเดินหน้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง บริษัท ศรีนานาพรฯ มั่นใจว่าจะมีรายได้เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้าน นายภาณุพงศ์ บุญเมือง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แกงเลียง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ขนมโปรตีนถั่วลิสงอบไข่ขาว ภายใต้แบรนด์ “ฟินน์จัง” กล่าวว่า จากแนวโน้มของตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขึ้น บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาทำตลาดขนมดังกล่าว ด้วยการร่วมกับมูลนิธิสถาบันอาหาร พัฒนาขนมขบเคี้ยวโปรตีนถั่วลิสงอบไข่ขาว ภายใต้แบรนด์ “ฟินน์จัง” Healthy Snack เข้ามาทำตลาด ภายใต้งบลงทุนกว่า 2 ล้านบาท เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพและกลุ่มผู้บริโภคมังสวิรัติ
ในส่วนของช่องทางการทำตลาดเบื้องต้นได้วางสินค้าจำหน่ายไปแล้วในร้านขายยาเพรียว (Pure Pharmacy by Big-C) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสาขาอยู่ทั่วประเทศกว่า 140 แห่ง รวมไปถึงการนำสินค้าไปวางจำหน่ายใน Villa Market และร้าน Lemon Farm ทุกสาขา
นายภานุพงศ์ กล่าวต่อว่า เพื่อให้สินค้าของบริษัทเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายครอบคลุมมากขึ้น ในอนาคตอันใกล้ บริษัทมีแผนที่จะนำสินค้าภายใต้แบรนด์ ฟินน์จัง เข้าไปจำหน่ายในห้างค้าปลีกอื่นๆ รวมไปถึงร้านสะดวกซื้อ และการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งหลังจากนำสินค้าเข้าทำตลาดบริษัทเชื่อว่าในปีแรกน่าจะมียอดขายประมาณ 40 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการทำการตลาดและโฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างต่อเนื่อง ภายใต้แคมเปญ “Anytime” เพื่อสร้างการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค
ข่าวเด่น