ยังคงไม่สามารถเปิดให้บริการได้สำหรับธุรกิจกลางคืน อย่างผับ บาร์ คาราโอกะ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังมีตัวเลขผู้ติดเชื้ออยู่ในระดับสูง ทำให้เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2564 ที่ผ่านมา ทางสมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงแห่งประเทศไทย ต้องออกโรงยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอผ่อนปรนและขอมาตรการเยียวยาให้กับกลุ่มผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและธุรกิจบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งในปี 2564 มีการคาดการณ์ว่าแนวโน้มการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปีนี้ น่าจะมีอัตราการเติบโตลดลงหรือติดลบประมาณ 20-30% จากปี 2563 ที่มีมูลค่าอยู่ราว 3.2 แสนล้านบาท หรือปรับตัวลดลงเหลือเพียง 2.6-2.7 แสนล้านบาท หรือหายไปประมาณ 5-6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดมีความรุนแรง และขยายวงกว้างไปหลายคลัสเตอร์ ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย ขณะที่ช่องทาง on premise หรือร้านอาหาร สถานบันเทิง ผับ บาร์ ก็ไม่สามารถจำหน่ายสินค้าดังกล่าวได้
นายธนากร คุปตจิตต์ เลขาธิการสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย หรือ TABBA กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากพอสมควร โดยเฉพาะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา เพราะนอกจากจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อบุคคลที่เกี่ยวข้องอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน นักดนตรี นักร้อง เชฟ ร้านค้า และสถานบันเทิงต่างๆ ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ถือว่ากระทบทั้งห่วงโซ่ เนื่องจากธุรกิจแอลกอฮอล์ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำเนินธุรกิจหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเฉพาะการที่ร้านอาหารถูกสั่งห้ามจำหน่ายและนั่งทานภายในร้าน ส่งผลให้ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมค่อนข้างมาก
และจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายๆค่าย เริ่มมีการปรับแผนในการทำตลาด โดยการหันมาทำตลาดในช่องทาง off premise หรือช่องทางที่เป็นการซื้อกลับไปกินที่บ้านมากขึ้น เช่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างค้าปลีก และร้านค้าทั่วไปมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ปัจจุบันตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ในสัดส่วนช่องทาง on premise (ผับ บาร์ คาราโอเกะ) ปรับตัวลดลงเหลือ 30% ขณะที่ช่องทาง off premise (ร้านค้าทั่วไป ห้างค้าปลีก และร้านสะดวก) มีสัดส่วนปรับเพิ่มเป็น 70% จากเดิมช่องทาง on premise จะมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 50% เท่ากับช่องทาง off premise ที่มีสัดส่วน 50%
อย่างไรก็ดี แม้ว่าผู้ประกอบการในตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะมีการปรับรูปแบบการทำตลาด ด้วยการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในช่องทางค้าปลีก ในด้านของยอดขายก็น่าจะช่วยได้แค่บางส่วนเท่านั้น เนื่องจากภาพรวมตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น่าจะยังไม่กลับมาฟื้นตัวในเร็วๆ นี้ เพราะภาพรวมกำลังซื้อของผู้บริโภคยังคงชะลอตัวและมีแนวโน้มปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ยังต้องมาลุ้นกันว่าช่วงเดือนก.ย.นี้ การฉีดวัคซีนโควิด-19 จะมีความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน ขณะเดียวกันก็ต้องมาลุ้นกันว่า โครงการภูเก็ต Sandbox จะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ก็จะมีการขยายโมเดลไปในจังหวัดท่องเที่ยวหลักอื่นๆ ขณะเดียวกัน ก็ต้องมาดูที่การฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่าจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าตั้งแต่เดือนต.ค.เป็นต้นไป สถานการณ์น่าจะคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และน่าจะส่งผลให้ช่องทาง on premise กลับมาฟื้นตัว
นายธนากร กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ได้ เพราะนักท่องเที่ยวและการทำกิจกรรมกระตุ้นยอดขาย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติถือว่ามีส่วนช่วยให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เติบโต เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมากกว่ากลุ่มลูกค้าชาวไทย ซึ่งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2563 ถือเป็นผลกระทบหนักและรุนแรงสำหรับตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากการติดเชื้อมีการขยายวงกว้าง อย่างไรก็ดี หากมีการเร่งฉีดวัคซีนอย่างจริงจัง และทุกอย่างเป็นไปตามแผน เชื่อว่าในช่วงเดือนต.ค.64 การขายในช่องทาง on premise ที่เหลืออยู่ 30% ก็น่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง
ด้าน นายวิชญ์ กัน ผู้จัดการผ่ายผลิตภัณฑ์สินค้า บริษัท อินดิเพนเดนท์ ไวน์ แอนด์ สปิริต (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายไวน์ระดับพรีเมี่ยมทั้งในประเทศไทยและภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ เหล้าบ๊วยโชยะ, ไวน์นำเข้า, เครื่องดื่ม บาร์คาร์ดี้ และวิสกี้ กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ จะการทำตลาดในช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น ทั้งในกลุ่มสินค้าสปิริต ไวน์ และวิสกี้ เพื่อนำรายได้มาชดเชยช่องทาง on premise ที่หายไป ซึ่งจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับช่องทางดังกล่าว ยอมรับว่าการนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในช่องทางค้าปลีกมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น
พร้อมกันนี้ ยังมีแผนที่จะรีดีไซน์เหล้าบ๊วยโชยะ เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำตลาดอย่างจริงจัง หากสถานการณ์คลี่คลายในช่วงปลายปี ซึ่งเบื้องต้นได้มีการวางแผนไว้ว่าจะทำกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกเดือนในทุกช่องทางการขาย พร้อมกับเตรียมต่อยอดกิจกรรมตามเมืองท่องเที่ยวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งภูเก็ต สมุย พัทยา หรือเชียงใหม่ เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของนักท่องเที่ยว
ด้าน นายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ ประธานกรรมการ บริษัท ตะวันแดง 1999 จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสุรากลั่นครบวงจร ตั้งแต่ สุราขาว สุราสี วิสกี้ บรั่นดี และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้ใช้เงินลงทุน 3,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานผลิตสุราครบวงจรที่ทันสมัยที่สุดในภูมิภาคอาเซียน บนพื้นที่ 816 ไร่ ใน อ.หันคา จ.ชัยนาท ไปเมื่อปี 2560 ขณะนี้บริษัทมีความพร้อมที่จะเดินหน้าผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าทำตลาดอย่างเต็มที่ เนื่องจากโรงงานดังกล่าวสามารถผลิตแอลกอฮอล์ 95% ได้สูงถึง 1.5 แสนลิตรต่อวัน ซึ่งหากสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเมื่อไหร่ บริษัทก็พร้อมที่จะเดินหน้าผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทต่างๆ เข้าทำตลาดทันที
ข่าวเด่น