แม้ว่า นีลเส็น ประเทศไทย จะออกมาระบุตัวเลขของเดือนมิ.ย. และช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 ยังอยู่ในระดับที่น่าพอใจคือ เดือน มิ.ย. เม็ดเงินของอุตสาหกรรมโฆษณามีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 13% ขณะที่ภาพรวมครึ่งปีแรกมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 8% แต่ในมุมมองของเอเจนซี่ที่ทำหน้าที่ซื้อขายโฆษณาโดยตรงกลับมีความเห็นต่างไปจากข้อมูลของนีลเส็น ประเทศไทย เนื่องจากตัวเลขดังกล่าวไม่ได้สะท้อนภาพความเป็นจริงของอุตสาหกรรมที่กำลังเผชิญกับปัจจัยลบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้
นอกจากนี้จากจำนวนตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้สินค้าหลายประเภทเริ่มมีการชะลอการใช้เม็ดเงินซื้อสื่อโฆษณา ซึ่งจากปัจจัยลบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้เอเจนซี่ออกมาประเมินว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมสิ้นปี 2564 นี้อาจติดลบอยู่ที่ประมาณ 4% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 72,138 ล้านบาท ลดลงจากปี 2563 ที่อุตสาหกรรมมีมูลค่าอยู่ที่ 75,168 ล้านบาท และลดลงจากปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่มีสถานการณ์โควิด-19 อุตสาหกรรมโฆษณามีมูลค่าอยู่ที่ 90,212 ล้านบาท ถ้าสถานการณ์ยังเลวร้ายต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 อุตสาหกรรมสื่อและโฆษณาถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเหตุการณ์โควิด-19 เพราะมีบุคลากรที่เกี่ยวข้องและธุรกิจที่อยู่ในระบบนิเวศนี้ ใหญ่กว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นคนในวงการเอเจนซี่สื่อโฆษณา สื่อสารมวลชน ผู้ประกอบการสื่อ ผู้ผลิต ผู้จัดงานกิจกรรมต่างๆ และอื่นๆ อีกมากมาย
ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นการซ้ำเติมคนในอุตสาหกรรมโฆษณา เนื่องจากช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา ระบบนิเวศนี้ได้รับผลกระทบมาจาก Digital Disruption ทำให้ธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ต้องปรับตัวกันอย่างหนักหน่วง ซึ่งบางรายที่ปรับตัวไม่ทันก็มีการล้มเจ็บไปบ้าง ไปต่อไม่รอดบ้าง มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ปรับตัวสำเร็จ
วิกฤตโควิด-19 ระลอกที่1 เมื่อต้นปี 2563 ทำให้อุตสาหกรรมติดลบหนักสุดในรอบ 20ปี คือติดลบไปเกือบ 20% มูลค่าเม็ดเงินหดตัวเหลือ 75,000 ล้านบาท (ประเมินมูลค่าโดย MI) แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวได้รับผลกระทบหนักก็แค่ช่วงประมาณ เม.ย.-มิ.ย. หลังจากนั้นประมาณเดือน ก.ค. ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น ผู้บริโภคเริ่มกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติ เช่นเดียวกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโฆษณาและหลายๆ ธุรกิจ จนกระทั่งปลายปี 2563 ต่อเนื่องถึงต้นปี 2564 ที่เกิดการระบาดในระลอกที่ 2 และต่อเนื่องด้วยระลอกที่ 3 ในเดือน เม.ย.2564
จากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่กินเวลาค่อนข้างยาวนานในระลอกนี้ ปัจจุบันกินระยะเวลาไปแล้วเกือบ 4 เดือน และมีแนวโน้มว่าลากยาวต่อไป ทำให้คนในอุตสาหกรรมโฆษณาเริ่มออกมาประเมินสถานการณ์ในด้านของความเลวร้ายมากที่สุด พร้อมอยู่กับความจริงให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้วางแผนตั้งรับและเอาตัวรอด หากสถานการณ์การแพร่ระบาดกินระยะเวลายาวนานอย่างที่คาดการณ์ เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้
คาดว่าเม็ดเงินในอุตสาหกรรมโฆษณาในปี 2564 นี้น่าจะติดลบอยู่ที่ประมาณ 3-5% เมื่อเทียบกับปี 2563 ถือว่าเป็นปีที่เลวร้ายและตกต่ำสุดในรอบ 20ปี เนื่องจากการแพร่ระบาดในระลอกนี้ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างของระบบนิเวศนี้ ซึ่งเป็นผลมาจาการแพร่ระบาดที่ยืดเยื้อ ทำให้มีการยกระดับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ยาวนานขึ้น
มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดที่ประกาศออกมาดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ เนื่องจากบางรายมีความบอบช้ำจากการแพร่ระบาด และมาตรการควบคุมในครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่ม SMEs และประชาชน ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าว ได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการจับจ่าย และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ในส่วนของวัคซีนโควิด-19 ก็ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ยังคงถกเถียงกันอยู่ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือเป็นทางออกเดียวของประเทศไทยในตอนนี้ หากภาครัฐสามารถจัดหาวัคซีนมาฉีดให้กับคนไทยได้ตามแผนที่วางไว้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จํากัด หรือ MI
ข่าวเด่น