ถือเป็นวิกฤตของประเทศไทยและทั่วโลกจริงๆ สำหรับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากโลกใบนี้ ในทางตรงกันข้ามหากมาดูที่ยอดติดเชื้อของแต่ละประเทศในขณะนี้กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบทุกประเทศ จากวิกฤตที่เกิดขึ้นดังกล่าวทำให้ภาคเอกชนต้องปรับตัวอย่างหนักในการทำธุรกิจ เพราะดูจากสถานการณ์ในประเทศไทยและทั่วโลกขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่จบลงง่ายๆ อย่างแน่นอน
จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ล่าสุด กลุ่มบริษัทสยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหารศูนย์การค้าสยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ ไอคอนสยาม และสยามพรีเมี่ยมเอาท์เล็ต กรุงเทพ ต้องออกมาระดมความคิดร่วมกับภาคเอกชนในด้านการเงิน เพื่อช่วยกันหาทางออกเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยเมื่อเร็วๆนี้ ได้จับมือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และธนาคารกรุงไทย จัดสัมมนาในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลอันเป็นประโยชน์ของแนวโน้มเศรษฐกิจ และมาตรการช่วยเหลือในด้านต่างๆ
สำหรับความน่าสนใจของงานสัมมนา “ทิศทางเศรษฐกิจ ฝ่าวิกฤต COVID-19 เตรียมพร้อมธุรกิจยุค New Normal” มีด้วยกัน 4 ประเด็นหลัก คือ 1.ทิศทางของเศรษฐกิจไทยกับการรับมือปัญหาการเงินในระยะสั้น 2.การเตรียมพร้อมรับมือ Mega Trends ปรับรูปแบบธุรกิจสู่เทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต 3.ผนึกกำลังความช่วยเหลือ ปลดล็อคธุรกิจ ให้กับผู้ประกอบการ และ 4.จับมือพันธมิตรทั่วโลกนำแบรนด์ไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ
โดยในส่วนของประเด็นที่ 1 ทิศทางของเศรษฐกิจไทยกับการรับมือปัญหาการเงินในระยะสั้น จะเป็นการวิเคราะห์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอก 3 ที่ทำให้เศรษฐกิจไทยยังคงมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง โดยเฉพาะฐานะทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือน ซึ่งปัจจุบันมีความเปราะบางเป็นอย่างมาก เห็นได้จากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับตลาดแรงงานที่ขยายตัวเป็นวงกว้าง ส่งผลให้ภาครัฐต้องออกมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เพื่อแก้ปัญหาทางการเงินให้กับผู้ประกอบการให้สามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ เช่น มาตรการสินเชื่อ Soft Loan เพื่อเสริมสภาพคล่องชั่วคราว และการพักชำระหนี้ในกรณีที่ยังประเมิน Cash Flow ไม่ได้ เป็นต้น
ประเด็นที่ 2 การเตรียมพร้อมรับมือ Mega Trends ปรับรูปแบบธุรกิจสู่เทรนด์ผู้บริโภคในอนาคต จะเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้ให้ทั่วโลกเกิดเป็น Mega Trends ที่จะส่งผลต่อทิศทางของเศรษฐกิจ และรูปแบบธุรกิจในอนาคต ไม่ว่าจะเป็น กระแสสังคมผู้สูงอายุ กระแสดิจิทัล กระแสรักสุขภาพ หรือกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เทรนด์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ภาคธุรกิจต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือกับกระแสการเปลี่ยนแปลง ด้วยการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพื่อหาจุดแข็งของธุรกิจและหาแนวทางการปรับตัวให้ตรงกับความต้องการของกระแสในโลกใหม่ เช่น ในภาคอุตสาหกรรมต้องปรับตัวให้ทันกับกระแส Food for the Future เทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารทางแพทย์ ขณะที่อุตสาหกรรมพลังงาน ก็ต้องปรับตัวให้ทันกับกระแส Bio Circular & Green Economy การผลิตและการใช้พลังงานชีวภาพ รวมถึงพลังงานหมุนเวียนอื่น และในภาคการท่องเที่ยว ก็ต้องปรับตัวให้ทันกับกระแสกลุ่มธุรกิจด้าน Health & Wellness เป็นต้น
สำหรับประเด็นที่ 3 ผนึกกำลังความช่วยเหลือ ปลดล็อคธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ ต้องยอมรับว่าวิกฤตครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักให้กับผู้ประกอบการ SMEs เห็นได้จากการขาดสภาพคล่องทางการเงิน ที่อาจจะทำให้ธุรกิจไม่สามารถไปต่อได้ นอกจากนี้ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายข้างหน้า เพราะไม่รู้ว่าวิกฤตโควิด-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้กลุ่มสยามพิวรรธน์ ต้องจับมือร่วมกับธนาคารกรุงไทย เพื่อให้ความช่วยเหลือคู่ค้าและพันธมิตรให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ ด้วยการออกมาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการค้าปลีก ดังนี้
1.มาตรการสินเชื่อฟื้นฟู ที่มีจุดเด่นคือ การคิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 2% ใน 2 ปีแรก ผ่อนสูงสุดนาน 10 ปี พร้อมพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือนแรก และค้ำประกันโดย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) สูงสุด 10 ปี
2. มาตรการสินเชื่อ SME Smart shop สำหรับผู้ประกอบการที่ใช้แอปพลิเคชันถุงเงิน หรือเครื่อง EDC ธนาคารกรุงไทย โดยมีจุดเด่น คือ ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถกู้สูงสุดได้ 2 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี พร้อมอัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4% (6 เดือนแรก)
3. มาตรการสินเชื่อท่องเที่ยว และ ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ปีแรก 4% ผ่อนนาน 10 ปี หากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน กู้ได้สูงสุด 1 ล้านบาท (บสย.ค้ำประกัน) และ ฟรีค่าธรรมเนียม บสย. สำหรับ 2 ปีแรก
4. มาตรการสินเชื่อเพื่อผู้ซื้อ (Buyer O/D) ที่มีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ วงเงินสูง หลักประกันน้อย และ 5. บริการโอน รับ จ่าย ไม่อั้น ด้วย Cash Management Package เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs คู่ค้าของสยามพิวรรธน์ ลดต้นทุนธุรกรรมทางการเงินในการดำเนินธุรกิจ เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่าย และสนับสนุนผู้ประกอบการที่มีการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งล่าสุดภาครัฐได้มีการจัดโครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ คืนเงินให้กับผู้บริโภคสูงสุด 7,000 บาท ในรูปแบบ e-Voucher เมื่อใช้จ่าย 40,000 บาทแรก จะได้เงินคืน 10% และยอดใช้จ่ายระหว่าง 40,001 – 60,000 บาท จะได้เงินคืน 15% (สามารถสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา)
ส่วนประเด็นที่ 4 ซึ่งเป็นประเด็นสุดท้าย คือ จับมือพันธมิตรทั่วโลกนำแบรนด์ไทยขยายสู่ตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพ แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะยังคงมีอยู่ทั่วโลก แต่ในหลายประเทศที่ได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงสถานการณ์ก็เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจมีการขยายตัว ซึ่งในส่วนของกลุ่มสยามพิวรรธน์ ก็เล็งเห็นโอกาสดังกล่าว จึงได้จับมือกับพันธมิตรธุรกิจค้าปลีกในต่างประเทศ เพื่อนำสินค้าของ SMEs ไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชมนำไปขายผ่านแพลตฟอร์มต่างประเทศที่มีศักยภาพ เช่น สินค้าของร้านไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์และภูมิปัญญาท้องถิ่นกว่า 800 แบรนด์ , การนำสินค้าของร้านแอ็บโซลูทสยาม (Absolute Siam Store) สินค้าแฟชั่น ไลฟ์สไตล์ และของที่ระลึก ในสไตล์ครีเอทีฟป๊อปคัลเจอร์ จากดีไซเนอร์และนักออกแบบไทยชั้นนำกว่า 150 แบรนด์ และการนำสินค้าจากร้านอีโค่โทเปีย (Ecotopia) ซึ่งเป็นสินค้ารักษ์โลกคิดค้นโดยคนไทย นำไปจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ของต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น
ข่าวเด่น