การตลาด
SCOOP : ''3 สมาคม'' รับลูก ศบค. เข้ม ''มาตรการป้องกันโควิด-19'' หลังกลับมาขายอาหารเดลิเวอรี่ได้ในห้าง


แม้ว่าจะมีการประกาศขยายล็อคดาวน์ยาวไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค. 2564 และมีการเพิ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดจาก 13 จังหวัด  เป็น 29 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครนายก นครราชสีมา นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี ปัตตานี พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี เพชรบูรณ์ ยะลา ระยอง ราชบุรี ลพบุรี สงขลา สิงห์บุรี สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระบุรี สุพรรณบุรี และอ่างทอง

แต่ก็มีบางกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนคลายมาตรการ นั่นก็คือ ธุรกิจร้านอาหาร ให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการภายในห้างค้าปลีกได้ เนื่องจากร้านอาหารส่วนหนึ่งอยู่ภายในห้างค้าปลีก หลังจากมีการประกาศล็อคดาวน์ และให้ร้านอาหารที่อยู่ภายในห้างค้าปลีกปิดให้บริการชั่วคราวในช่วงกลางเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 2 ส.ค. ทำให้ธุรกิจร้านอาหารที่มีสาขาส่วนใหญ่อยู่ภายในห้างค้าปลีกได้รับผลกระทบอย่างหนัก จนทำให้สมาคมภัตตาคารไทยต้องเข้าหารือกับภาครัฐอีกครั้ง เพื่อขอมาตรการผ่อนปรนให้สามารถกลับมาดำเนินกิจการได้อีกครั้ง
 

และล่าสุดเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019  (ศบค.) ก็ได้มีการประกาศมาตรการผ่อนปรนให้ร้านอาหารที่อยู่ภายในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ โดยอนุญาตให้ดำเนินการได้เฉพาะการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านบริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) เท่านั้น ซึ่งมาตรการผ่อนปรนดังกล่าวมีผลบังคับใช้ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 29 จังหวัด นับตั้งแต่วันที่ 3 ส.ค. 2564 เป็นต้นไป

มาตรการผ่อนปรนที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ 3 สมาคม ประกอบด้วย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมภัตตาคารไทย ออกมารับลูกมาตรการดังกล่าว ด้วยการผนึกกำลังเข้มในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อพยุงให้ธุรกิจสามารถเดินต่อไปได้
 

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ทางสมาคมฯ ได้มีการหารือร่วมกับสมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมภัตตาคารไทย เพื่อหาทางออกเรื่องดังกล่าว ซึ่งทั้ง 3 สมาคม ขอขอบคุณ ศบค.ที่รับฟังข้อคิดเห็นของผู้ประกอบการและพิจารณาอนุมัติการผ่อนผันให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารที่มีสาขาอยู่ภายในห้างค้าปลีกให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ เพราะมาตรการผ่อนปรนดังกล่าวถือเป็นการต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการกว่า 40,000 ราย และครอบคลุมจำนวนแรงงานกว่า 400,000 ราย ทำให้มีรายได้เพื่อพยุงธุรกิจให้ไปต่อได้ โดยทั้ง 3 สมาคมพร้อมที่จะปฏิบัติตามมาตรการผ่อนปรนอย่างเคร่งครัดและสูงสุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่อาจจะเกิดขึ้น
             
อย่างไรก็ดี ทั้ง 3 สมาคมได้มีการยกระดับมาตรการในการคัดกรองและการป้องกันการแพร่ระบาด  ด้วยมาตรการ DMHTemp  ได้แก่  D : Distancing เว้นระยะห่างภายในร้านอย่างเคร่งครัด M : Mask wearing สวมหน้ากากตลอดเวลา H : Hand washing ล้างมือบ่อยๆ ครั้งละอย่างน้อย 20 วินาที และ Temp : Temperature มีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าปฎิบัติงาน
             
ทั้งนี้ ในส่วนของมาตรการดังกล่าว ทั้ง 3 สมาคมได้มีการแบ่งข้อปฏิบัติออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1. ผู้ประกอบการ 2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ และ 3. พนักงานรับ-ส่งอาหารแบบออนไลน์ ซึ่งผู้เกี่ยวข้องทั้ง 3 ส่วนต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด ดังนี้

1. ผู้ประกอบการ ต้องจัดทำมาตรการ DMHTemp สำหรับพนักงานทุกคน สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ห้ามรวมกลุ่ม หรือรับประทานอาหารร่วมกัน และห้ามเปิดหน้าร้าน ในกรณีที่มีพนักงานมีอาการทางเดินหายใจ  มีไข้ หรือเป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงานทันที

2. ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และคอมมูนิตี้มอลล์ ต้องจัดให้มีระบบคัดกรอง และลงทะเบียนผู้ขนส่งอาหารก่อนเข้าภายในอาคารหรือพื้นที่ ต้องจัดระบบคิว และกำหนดพื้นที่เป็นการเฉพาะสำหรับรอคิว ต้องมีบริเวณจุดพักคอยที่มีการเว้นระยะห่างระหว่างที่นั่งหรือยืนที่เหมาะสม และต้องมีการกำกับดูแลให้มีการดำเนินตามมาตรการอย่างเคร่งครัด

3. พนักงานรับ-ส่งอาหารแบบออนไลน์ พนักงานทุกคนต้องปฏิบัติตามมาตรการ DMH คือ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา เว้นระยะห่างผู้อื่น และพกเจลแอลกอฮอล์ อีกทั้งยังต้องรอรับอาหาร ณ จุดรับ-ส่ง เท่านั้น ในกรณีมีอาการทางเดินหายใจ มีไข้ หรือเป็นผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ ต้องหยุดทำงานทันที

 
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้พนักงานทุกคนที่ทำงานภายในร้านอาหารในส่วนของห้างสรรพสินค้าศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ต้องผ่านระบบการคัดกรอง และนั่งพักคอย ณ จุดให้บริการตามมาตรการของศบค. ซึ่งในส่วนของจุดพักคอยจะต้องตั้งอยู่ในบริเวณที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก ควบคู่ไปกับการยกระดับการควบคุมสูงสุดในเรื่องของมาตรการสุขอนามัยของผู้รับ-ส่งอาหารเดลิเวอรี่ โดยในส่วนของการดำเนินการจะเปิดให้บริการจนถึงเวลา 20.00 น.ในรูปแบบการสั่งอาหารหรือเครื่องดื่มผ่านการบริการขนส่งอาหาร (Food Delivery Service) ส่วนประชาชนทั่วไปขณะนี้ยังไม่เปิดให้บริการในรูปแบบของการซื้อกลับบ้าน (Take Away)

นายญนน์ กล่าวอีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้ง 3 สมาคมฯ ได้ให้ความร่วมมือกับ ศบค. อย่างเคร่งครัดในการดำเนินมาตรการควบคุมและป้องการการแพร่ระบาด และยินดีที่จะสนับสนุนรัฐบาลในการผลักดันมาตรการต่างๆ พร้อมยกระดับขั้นสูงสุด เพื่อพลิกฟื้นสถานการณ์ให้กลับมาดีขึ้น โดย ทั้ง 3 สมาคมฯ เชื่อว่าความช่วยเหลือและร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้ทุกคนก้าวผ่านวิกฤติโควิดครั้งนี้ไปได้ด้วยกัน

ความร่วมมือที่เกิดขึ้นดังกล่าวนอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการร้านอาหารไปต่อได้แล้ว ในส่วนของผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ ยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการผ่อนปรนดังกล่าวอีกด้วย เช่นเดียวกับผู้บริโภค เนื่องจากไม่ต้องจ่ายค่าเดลิเวอรี่ที่เพิ่มขึ้นตามระยะ เพราะตอนนี้สามารถสั่งอาหารอร่อยๆ ที่ตัวเองอยากกินได้ในสาขาที่ใกล้บ้านได้แล้ว

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 07 ส.ค. 2564 เวลา : 12:57:44
07-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 7, 2024, 2:31 am