COM7 ประกาศงบ Q2/64 กำไรแข็งแกร่งต่อเนื่อง อยู่ที่ 587 ลบ. พุ่งเกือบ 114% รายได้รวมทำได้กว่า 11,562 ลบ. เพิ่มขึ้นเกือบ 49% จากการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ แม้ในสถานการณ์โควิด พร้อมบริหารช่องทางการจำหน่ายให้แข็งแกร่งขึ้น ณ สิ้นไตรมาส 2 มีสาขาอยู่ที่ 936 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ แผนครึ่งปีหลัง เดินหน้าขยายสาขาผ่านรูปแบบร้าน Pop-Up Store และ Stand Alone กระจายความเสี่ยง ลดผลกระทบในจังหวัดที่ต้องปิดให้บริการชั่วคราว ประกอบกับ การรุกช่องทางออนไลน์ และบริการสินเชื่อผ่านโปรแกรมพิเศษ UFund & UNiDAYS และ True Loan หนุนยอดขายทำได้แล้ว 1,000 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนที่เปิดตัว ส่วนโค้งสุดท้ายของปี มองผลงานจะเร่งฟื้นตัวรับไฮซีซั่นธุรกิจ มีการเปิดตัวสินค้าใหม่ รวมทั้ง มาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ คงเป้ารายได้ปีนี้คาดเติบโต 20% ตามแผนเดิม
บริษัท คอมเซเว่น จำกัด (มหาชน) (COM7) ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ รายงานผลประกอบการของบริษัทฯ งวดประจำไตรมาส 2/2564 (เมษายน - มิถุนายน) รายได้รวมอยู่ที่ 11,562.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกําไรขั้นต้นอยู่ที่ 1,549.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.9% กําไรส่วนของบริษัทใหญ่ 587 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 113.9% เนื่องจากยอดขายในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เติบโต โดยเฉพาะ iPhone ยังขายดีทั้งในรุ่นปัจจุบันและรุ่นก่อนหน้า รวมถึง iPad , สมาร์ทโฟนแบรนด์ชั้นนำต่างๆ และสินค้ากลุ่ม Work from Home ยังมีดีมานด์เข้ามาต่อเนื่อง ขณะที่ช่องทางการจำหน่ายเพิ่มขึ้นทั้งจากสาขาเดิมและสาขาใหม่ รวมทั้งช่องทางออนไลน์เสริมทัพความแข็งแกร่ง ขณะที่ไตรมาส 2 ปีที่แล้ว ยอดขายได้รับผลกระทบจากการปิดสาขาชั่วคราวตามมาตรการรัฐที่มีคำสั่งล็อกดาวน์ในสถานการณ์โควิด แต่เร่งกลับมาฟื้นตัวเมื่อมีการเปิดสาขาได้ตามปกติ เนื่องจากสินค้าไอทีกลายเป็นสินค้าจำเป็นของผู้บริโภค
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2564 (มกราคม - มิถุนายน) รายได้รวมอยู่ที่ 23,551.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกําไรส่วนของบริษัทใหญ่ เท่ากับ 1,152.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105%
ทางด้านช่องทางการจำหน่ายยังคงแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 2/2564 COM7 มีสาขาภายใต้การบริหารงานของกลุ่มบริษัท รวมทั้งหมด 936 สาขา แบ่งเป็น BaNANA 328 สาขา Studio7 108 สาขา KingKong Phone 92 สาขา True Shop by Com7 122 สาขา แฟรนไชส์ 106 สาขา BKK 48 สาขา iCare 29 สาขา และอื่นๆ 103 สาขา โดยมีการขยายเพิ่มจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วรวม 157 สาขา (ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 : 779 สาขา) และณ สิ้นปี 2563 มีจำนวน 911
นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการสายงานขาย และธุรกิจค้าปลีก กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่มีต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา แต่ความต้องการสินค้าไอทียังคงอยู่ในระดับสูง บริษัทฯ ได้จัดโปรแกรมพิเศษ (Affordability Program) เพื่อช่วยเหลือลูกค้าให้สามารถผ่อนสินค้าได้โดยไม่ใช้บัตรเครดิต ประกอบด้วย โปรแกรม UFund & UNiDAYS ตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มมหาวิทยาลัย เพื่อสอดรับการเรียนการสอนผ่านออนไลน์มากขึ้น รวมทั้ง โปรแกรม True Loan โดยร้าน BaNANA ร้าน BKK และร้าน Kingkong Phone เป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ เปิดโครงการพิเศษผ่อนสินค้าผ่านแอปทรู มันนี่ วอลเล็ต สนับสนุนให้ผู้ที่ไม่มีบัตรเครดิตก็สามารถเข้าถึงสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนได้เพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งสองโครงการดังกล่าวเริ่มเพียงแค่ 3 เดือน สามารถขายสินค้าได้มากกว่า 1,000 ล้านบาทแล้ว
นอกจากนี้ การบริหารช่องทางการจำหน่ายในช่วงครึ่งปีหลัง ขานรับมาตรการภาครัฐทำให้ต้องปิดสาขาชั่วคราวในพื้นที่สีแดงเข้ม ส่งผลให้ปัจจุบัน COM7 มีสาขาที่เปิดให้บริการตามปกติทั้งรูปแบบสาขาหลักและแฟรนไชส์รวม 459 สาขา ควบคู่การขยายช่องทางการจำหน่ายใหม่ๆ อาทิ การเปิดร้าน Pop-Up Store และขยายสาขาในรูปแบบร้านที่อยู่นอกห้างสรรพสินค้า หรือ Stand Alone ตามแผนในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม จะมีครบ 57 แห่ง ทำให้ภาพรวม COM7 จะมีสาขาเข้าถึงพื้นที่ 74 จังหวัดทั่วประเทศ ควบคู่การจำหน่ายผ่านช่องทาง Online เพื่อกระจายความเสี่ยง และลดผลกระทบสถานการณ์โควิด
นอกจากนี้ ในช่วงไตรมาส 3 COM7 จับมือกับห้างบิ๊กซี (BigC) เป็นพันธมิตรเจ้าใหม่ในการขยายสาขาเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบัน เปิดไปแล้วจำนวน 45 สาขา ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 สาขาทั้งหมดของบิ๊กซี ทำให้เป็นโอกาสจำหน่ายสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนต่อเนื่องในอนาคต
ในแง่การขยายผลิตภัณฑ์ COM7 มุ่งเน้นการรุกผลิตภัณฑ์กลุ่ม IoT มากขึ้น จึงได้จับมือกับแบรนด์ชั้นนำอย่าง เสี่ยวหมี่ (Xiaomi) เพื่อรุกตลาดดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว และได้จับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์เรียลมี (realme) แบรนด์เทคโนโลยีชั้นนำอีกแบรนด์หนึ่ง ในการเป็นดิสทริบิวเตอร์ในทุกผลิตภัณฑ์ของ realme ยกเว้นกลุ่มสมาร์ทโฟน เสริมความแข็งแกร่งในการบริหาร Product Mix ในพอร์ต และเติบโตไปสู่สินค้าที่เป็นเทรนด์ของโลก ขณะที่ การเติบโตของเทคโนโลยี 5G ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ปีที่แล้วมีสินค้าที่เปิดตัวใหม่ ที่รองรับ 5G มีเพียงกว่า 10% ขณะที่ มองว่าปีนี้สินค้าใหม่ที่เปิดตัว และรองรับ 5G มีมากกว่า 50% เป็นปัจจัยเร่งให้ลูกค้าเปลี่ยนเครื่อง เพื่อรองรับความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และจะเป็นปัจจัยสำคัญสู่การเติบโตในปลายปีนี้จนถึงปีหน้า
นายณรงค์ ศรีวรรณวิทย์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ภาพรวมธุรกิจค้าปลีกสินค้าไอทีและสมาร์ทโฟนยังคงแข็งแกร่ง แม้ภายใต้สถานการณ์โควิด แต่ดีมานด์ไม่ได้หายไปไหน ยิ่งในช่วงที่มีการปิดสาขาบางส่วนตามมาตรการรัฐ ยิ่งเห็นว่าความต้องการสินค้าไอทีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วง Work from Home ซึ่งปัจจุบัน COM7 ยังเข้าถึงลูกค้าได้ไม่เต็มที่ จึงมองว่าดีมานด์ที่อั้นไว้ จะไหลกลับเข้ามาในช่วงปลายปี จากปัจจัยบวกในช่วงไฮซีซั่นธุรกิจ สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัว โดยเฉพาะ iPhone รุ่นใหม่ที่คาดจะกลับมาเปิดตัวในช่วงเวลาปกติ ซึ่งเร็วกว่าการเปิดตัวของ iPhone 12 ที่มีการเปิดตัวในเดือนธันวาคม ส่งผลให้รับรู้ยอดขายสินค้าที่เป็นไฮไลท์ของปีได้เร็วขึ้น รวมทั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและกำลังซื้อผู้บริโภคของภาครัฐบาล เชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยเร่งการเติบโตของ COM7 ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และยังคงเป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโต 20% ขณะที่ การขยายสาขายังคงตั้งเป้าสิ้นปีจะมี 1,000 สาขา ตามแผนเดิมที่วางไว้
ข่าวเด่น