แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบให้อุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยจะชะลอตัวไปบ้าง แต่หากนำไปเปรียบเทียบกับหลายๆ ธุรกิจ อุตสาหกรรมเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ก็ยังถือว่ามีการขยายตัวในทิศทางที่ดี เนื่องจากเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ภาพรวมตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ในประเทศ ปี 2564 น่าจะมีอัตราการเติบโตเล็กน้อยอยู่ที่ประมาณ 0.5-1.5% หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1.97 – 1.99 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีอัตราการเติบโต แต่ก็ยังไม่กลับมาเติบโตเท่ากับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะมีโควิด-19 ระบาด โดยช่วงเวลาดังกล่าวภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮลล์ภายในประเทศของไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 2 แสนล้านบาท โดยเครื่องดื่มที่มีสัดส่วนการขายมากที่สุด คือ น้ำอัดลม 31% น้ำดื่มบรรจุขวด 22% เครื่องดื่มชูกำลัง 13% น้ำผลไม้ 9% ชาพร้อมดื่ม/กาแฟพร้อมดื่ม ในสัดส่วนเท่ากันที่ 7% เครื่องดื่มสปอร์ตดริ๊งก์หรือเกลือแร่ 4% และเครื่องดื่มประเภทอื่นๆ อีกประมาณ 7%
ถึงแม้ว่าตลาดยังไม่กลับมาขยายตัวเหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากยังมีปัจจัยลบเกิดขึ้นหลายด้าน แต่ท่ามกลางวิกฤตย่อมมีโอกาสเสมอ ด้วยเหตุนี้ ผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะเดินหน้าขยายธุรกิจในช่วงเวลานี้ เช่นเดียวกับ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจเครื่องดื่มและหาพันธมิตร OEM ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจยังคงเดินหน้ามีรายได้และผลกำไรที่เติบโต
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังคงมีความรุนแรงอยู่ในขณะนี้ แต่ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในขณะนี้ยังถือว่ายังมีอัตราการเติบโตเป็นที่น่าพอใจ โดยยังคงสามารถรักษายอดขายในประเทศ และกำไรสุทธิให้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกของปี 2564 ไว้ได้ เนื่องจากบริษัทมีการขยายธุรกิจในรูปแบบของ OEM เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการขยายช่องทางในการทำตลาด
สำหรับภาพรวมผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/2564 ที่ผ่านมา บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป มีรายได้จากการขายอยู่ที่ประมาณ 1,492.7 ล้านบาท เติบโตจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ประมาณ 9% มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 164.3 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ประมาณ 10% เนื่องจาก บริษัท อิชิตัน อินโดนีเซีย ที่ได้เข้าไปร่วมทุนเริ่มมีผลประกอบการเติบโตที่ดีขึ้น ทำให้สามารถสร้างการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาประมาณ 8.6 ล้านบาท
นอกจากนี้ การเข้าไปทำธุรกิจในส่วนของธุรกิจ OEM ก็เริ่มมีการรับรู้รายได้เข้ามา จากลูกค้า King Power Multiply by Eight เป็นไตรมาสแรก จึงทำให้ภาพรวมกำไรสุทธิของบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป ยังสามารถรักษาระดับอัตราการเติบโตไว้ได้ที่ประมาณ 11%
จากความสำเร็จของผลประกอบการในไตรมาส 2 ที่ได้รับดังกล่าว ทำให้บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป ต้องออกมาประกาศกลยุทธ์เดินหน้าทำการตลาดสินค้าเมนสตรีมให้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มตลาดร้านค้าปลีกรายย่อยทั่วประเทศ (Traditional Trade) ซึ่งปัจจุบันบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป สามารถขยายตลาดเข้าไปยังช่องทางดังกล่าวได้มากขึ้น และจากความสำเร็จที่ได้รับดังกล่าว ส่งผลให้ภาพรวมยอดขายชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “อิชิตัน” และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ ”เย็นเย็น” มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มประเภท Non Tea หรือเครื่องดื่มที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มชาพร้อมดื่ม หลังจากได้มีการส่งสินค้าใหม่ “อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามิน D และกิงโกะ” เข้าไปทำตลาด ด้วยการชูจุดเด่นของ “น้ำด่าง” ควบคู่ไปกับการเป็นเครื่องดื่มที่มีวิตามิน D สูง และช่วยทำหน้าที่ตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ ยังมีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตมาตรฐานระดับโลก จากประเทศญี่ปุ่น มาเป็นจุดสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งในตลาด จึงทำให้ “อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามิน D และกิงโกะ” ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ดังกล่าวสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับ Top5 ของตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามิน แม้ว่าจะเพิ่งนำสินค้าเข้าไปทำตลาดได้เพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น
ทั้งนี้ จากความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มผสมวิตามินในประเทศไทยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ครึ่งปีแรกของปี 2564 ตลาดรวมเครื่องดื่มผสมวิตามินมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 77.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2563 หรือมีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 1,295.4 ล้านบาท
นายตัน กล่าวต่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนที่จะเดินหน้ารุดตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและเทรนด์การดูแลสุขภาพภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยบริษัทมีแผนที่จะนำชาพรีเมี่ยม ชิซึโอกะ โฮจิฉะ สูตรหวานน้อย (Shizuoka Hojicha mildly sweet) , “อิชิตัน กรีนที เอ็กซ์” ชาเขียว x วิตามิน นำ 2 คุณประโยชน์ จากชาเขียวรสชาติยอดนิยมผสานวิตามิน C และวิตามิน A นำเข้าจากยุโรปในขวดเดียวกัน และเย็นเย็น มินิมอล น้ำตาลน้อย 2% เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม
พร้อมกันนี้ ยังจะเดินหน้าขยายศักยภาพด้าน OEM หรือธุรกิจรับจ้างผลิต เพื่อสนับสนุนรายได้และกำไรให้มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น ด้วยการใช้กำลังผลิต (Utilization Rate) ให้อยู่ในระดับสูง ควบคู่ไปกับการชูจุดเด่นในการผลิตด้วยระบบบรรจุเย็นแบบปลอดเชื้อ (Cold Aseptic Filling Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดของโลกมาเป็นจุดขาย เพื่อสร้างความสนใจให้กับคู่ค้า
นายตัน กล่าวปิดท้ายว่า โรงงานของเราไม่ได้จำกัดการผลิตเฉพาะผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่มเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเครื่องดื่มวิตามิน นม น้ำผลไม้ เครื่องดื่มชูกำลัง และอื่นๆ โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้าประมาณ 2-3 ราย คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถปิดดีลได้อย่างน้อย 1 ราย ซึ่งหลังจากเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง บริษัทมั่นใจว่าปิดรอบบัญชีปี 2564 จะมียอดขายและผลกำไรเป็นไปตามเป้าหมายอย่างแน่นอน
ข่าวเด่น