“โรงภาพยนตร์” ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับการประกาศคลายล็อคให้สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2564 เป็นต้นไป หลังจากถูกสั่งปิดให้บริการมาตั้งแต่เดือน พ.ค.2564 ที่ผ่านมา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งจากมาตรการผ่อนคลายที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ออกมาประกาศความพร้อมให้บริการอย่างเต็มที่ เพื่อต้อนรับลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกครั้ง
สำหรับมาตรการป้องกันโควิดที่ผู้ประกอบการโรงภาพยนตร์ประกาศออกมาส่วนใหญ่ ยังคงเป็นในเรื่องการทำความสะอาดโรงภาพยนตร์ ด้วยการพ่นยาฆ่าเชื้อ, การจำกัดจำนวนผู้เข้าชมภาพยนตร์,พนักงานได้รับการฉีดวัคซีน,เรื่องความสะอาด,เรื่องการเว้นระยะห่าง และการจ่ายเงินแบบไม่ใช้เงินสด เป็นต้น เช่นเดียวกับโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ที่ออกมาประกาศมาตรการเข้มในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วยการยึดหลักมาตรฐานสาธารณสุข ด้วย 5 แผนแม่บท “สะอาด มั่นใจ ปลอดภัยทุกจุด”
นายนรุตม์ เจียรสนอง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางโรงภาพยนตร์ได้เตรียมพร้อมปฏิบัติการเรื่องมาตรการความปลอดภัยไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยการยึดหลักมาตรฐานสาธารณสุข ผ่านแผนแม่บทจำนวน 5 ข้อ คือ
1.Vaccinated : พนักงานได้รับวัคซีน 100% โดยบริษัทมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนให้พนักงานทุกคนได้รับวัคซีน ภายใต้ โครงการ “I GOT VACCINATED” #ฉีดวัคซีนแล้วนะ จึงทำให้พนักงานทุกคนของบริษัทได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็ม ซึ่งพนักงานที่มาปฏิบัติงานจะติดเข็มกลัด “I GOT VACCINATED” #ฉีดวัคซีนแล้วนะ เป็นเครื่องหมาย เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจเมื่อเข้ามาใช้บริการ
2.Screening Test : ตรวจคัดกรองก่อนให้บริการ ลูกค้าที่เข้าใช้บริการต้องผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิและล้างมือด้วยแอลกอฮอลล์ เช่นเดียวกับพนักงานทุกคนจะต้องผ่านการตรวจ ATK ก่อนเริ่มงาน
3.Social Distancing : เว้นระยะห่าง ไม่สร้างความแออัด ตั้งแต่จุดบริการซื้อบัตรชมภาพยนตร์,ตู้จำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์อัตโนมัติ E Ticketing,จุดจำหน่ายป๊อปคอร์นและน้ำ,ภายในโรงภาพยนตร์จะจัดที่นั่งเว้นระยะห่าง 2 ที่นั่ง เว้น 2 ที่นั่ง ระหว่างแถวจะจัดที่นั่งแบบสลับฟันปลา
4.Cleanliness : ใส่ใจความสะอาดในทุกจัดสัมผัส ทำความสะอาดพื้นที่สัมผัสด้วยแอลกอฮอลล์ทุกพื้นที่สัมผัส ภายในโรงภาพยนตร์มีการฆ่าเชื้อโรคด้วยเครื่อง UVC และอบโอโซนในโรงภาพยนตร์ทั้งก่อนและหลังให้บริการ
5.Touchless and Cashless : ลดการสัมผัส สู่สังคมไร้เงินสด กับ Cashless Cinema โรงภาพยนตร์ไร้เงินสดเต็มรูปแบบ โดยตั้งแต่เดือน ต.ค.นี้เป็นต้นไป ทุกสาขาในกรุงเทพและปริมณฑล รวม 50 สาขา จะให้บริการซื้อและรับชำระค่าบัตรชมภาพยนตร์แบบไร้เงินสด พร้อมกับใช้วิธีการจองตั๋วผ่านตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และรับชำระเงินผ่านบัตรของธนาคารต่างๆ
นายนรุตม์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของภาพยนตร์ที่ลูกค้าจะได้ชมในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ สำหรับภาพยนตร์ต่างประเทศจะเป็นเรื่อง Black Widow, No Time to Die, Shang-Chi and the Legends ot the Ten Rings, Fast&Furious 9 และ Spider-man : No way Home ส่วนภาพยนตร์ไทยก็จะมีเรื่องร่างทรง,ส้มป่อย,ผู้บ่าวไทบ้าน อีสานจ้วด,มนต์รักวัวชน,อโยธยา มหาละลาย,หอแต๋วแตกแหกโควิด และ ส้ม ปลา น้อย เป็นต้น
ด้านโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ ก็ออกมายกระดับมาตรการป้องกันโควิด-19 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ดูแลด้วยใจ” เพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุดสำหรับลูกค้าและพนักงานทุกคน พร้อมกับจัดแคมเปญ “Comeback to Cinema” ด้วยการส่งโปรโมชั่นและกิจกรรมพิเศษตอบแทนความคิดถึง
น.ส.พิมสิริ ทองร่มโพธิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หลังจากกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง บริษัทมีความตั้งใจจะดูแลลูกค้าทุกคนให้ดีที่สุด ด้วยมาตรการด้านสาธารณสุขที่บริษัททำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้ดูหนังอย่างมีความสุข สะดวกสบาย มั่นใจ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยพนักงานทุกคนที่เข้ามาปฏิบัติงานจะต้องได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว และมีการต้องตรวจคัดกรองด้วย Antigen Test Kit ก่อนเริ่มปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ เอสเอฟ ยังได้มีการติดตั้งอุปกรณ์หลอด UVC ภายในระบบปรับอากาศ และอบ Ozone เพื่อฆ่าเชื้อโรคภายในโรงภาพยนตร์ทั้งหมด รวมไปถึงการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศฆ่าเชื้อโรคจากบริษัท “BIOZONE” ซึ่งเป็นผู้นำด้านเครื่องฟอกอากาศที่ได้มาตรฐานระดับโลก มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรค เชื้อไวรัสต่างๆ รวมถึงเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด-19 ได้มากกว่า 99.99% ซึ่งจากมาตรการดังกล่าว ทำให้ เอสเอฟ ได้รับการประเมินผ่านมาตรฐาน THAI STOP COVID PLUS (TSC+) ของกรมอนามัย
น.ส.พิมสิริ กล่าวอีกว่า บริษัทดีใจที่จะได้กลับมาเปิดโรงภาพยนตร์อีกครั้ง หลังจากปิดให้บริการไปตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.2564 ซึ่งหากนับระยะเวลาที่ปิดให้บริการไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย.2564 ก็ประมาณ 158 วัน ช่วงที่ปิดให้บริการไปบริษัทยอมรับว่า ได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก แม้ว่าจะไม่ได้มีคำสั่งให้ปิดให้บริการทั่วประเทศ แต่การปิดสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงจังหวัดใหญ่ๆ ก็เหมือนกับการถูกปิดทั้งหมด เพราะโรงหนังไม่เหมือนธุรกิจอื่น หนังแต่ละเรื่องมีโอกาสเข้าฉายได้แค่ครั้งเดียว เมื่อสาขาในกรุงเทพต้องปิด ค่ายหนังจำเป็นต้องเลื่อนการเข้าฉายออกไป ทำให้สาขาที่ยังเปิดได้ก็ไม่มีหนังใหม่ฉายไปด้วย
สำหรับภาพยนตร์ที่ เอสเอฟ จะนำมาฉายเพื่อต้อนรับการกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง ประกอบด้วย Black Widow, The Suicide Squad, No Time To Die, Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings, Fast & Furious 9, Eternals, Venom: Let There Be Carnage, The Matrix 4, Spider-Man: No Way Home และ The King's Man
นอกจากนี้ ยังจะมีการจัดโปรโมชั่นร่วมกับพาร์ทเนอร์ และทำกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกมากมาย เพื่อต้อนรับลูกค้ากลับสู่โรงหนังอีกครั้ง แต่ตอนนี้ เอสเอฟ ยังไม่สามารถเปิดเผยโปรโมชั่นและกิจกรรมส่งเสริมการขายที่จะทำได้ เนื่องจากยังมีข้อจำกัดในเรื่องของการทำการตลาดตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ของ ศบค.
การกลับมาเปิดให้บริการอีกครั้งของธุรกิจโรงภาพยนตร์จะคึกคักแค่ไหน คงต้องรอดูผลการตอบรับ ว่าคนไทยมีความมั่นใจเข้าใช้บริการในโรงภาพยนตร์แค่ไหนอย่างไร
ข่าวเด่น