ยังคงได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นของไทย เนื่องจากผู้บริโภคยังคงระมัดระวังในด้านของการจับจ่ายใช้สอยในสินค้าที่ไม่จำเป็น เลยทำให้กลุ่มสินค้าแฟชั่นได้รับผลกระทบกันไปแบบเต็มๆ ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่นลดราคาสินค้า หรือขยายช่องทางการทำตลาดใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
แนวโน้มที่เกิดขึ้นดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ที่ออกมาระบุว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคมีรายได้ลดลง เมื่อมีรายได้ลดลงผู้บริโภคก็จะหันมาลดการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่จำเป็น ซึ่งหนึ่งในสินค้าที่ลดการใช้จ่าย นั่นก็คือ สินค้าแฟชั่น ซึ่งจากข้อมูลพบว่า ผู้บริโภคกว่า 51% มีการลดการใช้จ่ายในส่วนของการซื้อเสื้อผ้าและรองเท้าลง เพื่อนำมาใช้จ่ายซื้อสินค้าที่จำเป็น
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะเห็นได้ว่าตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นต้องออกมาปรับรูปแบบการทำตลาดกันอย่างหนัก เพราะนอกจากจะได้รับผลกระทบในด้านของกำลังซื้อแล้ว ยังได้รับผลกระทบในด้านของการปิดให้บริการชั่วคราวจากมาตรการล็อคดาวน์ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นอกจากจะต้องปรับรูปแบบในการขายด้วยการหันมาจำหน่ายในช่องทางออนไลน์มากขึ้นแล้ว การทำโปรโมชั่นอย่างหนักก็เป็นอีกหนึ่งแรงกระตุ้นกำลังซื้อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แม้ว่าตอนนี้ร้านเสื้อผ้าแฟชั่นจะสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติแล้ว แต่จากกำลังซื้อที่ยังไม่ปกติ ทำให้ผู้ประกอบการยังคงต้องเน้นการทำโปรโมชั่น เห็นได้จากการทำตลาดของแบรนด์ยูนิโคล่ (Uniqlo) ที่ระยะหลังเริ่มมีการมอบส่วนลด 100 บาท ให้กับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นความสนใจลูกค้า และล่าสุดได้มีการจัดแคมเปญพิเศษฉลองครบ 10 ปีสำหรับการทำธุรกิจในประเทศไทย ซึ่งใครที่ซื้อสินค้าในช่วงเดือน ต.ค.นี้ จะได้รับส่วนลดพิเศษ เพื่อก้าวสู่ปีที่ 11 ไปด้วยกัน
เช่นเดียวกับแบรนด์มูจิ (MUJI) ที่ช่วงระยะหลังมานี้ก็เริ่มมีการลดราคากลุ่มสินค้าประเภทเสื้อผ้ามากขึ้น โดยล่าสุดได้มีการจัดโปรโมชั่นพิเศษกลุ่มเสื้อผ้าที่เป็นฝ้ายออร์แกนิก 100% เพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อได้ง่ายขึ้น เช่น เสื้อยืดทรงยาวผ้าแฟลนแนล ลดราคาจาก 990 บาท เหลือ 790 บาท และเสื้อเชิ้ตแฟลนแนลปกตั้ง ลดราคาจาก 790 บาท เหลือ 690 บาท เป็นต้น
ขณะเดียวกัน ในส่วนของแบรนด์เอชแอนด์เอ็ม(H&M) ก็ออกมาลดราคาสินค้าในส่วนของกลุ่มเสื้อผ้าเบสิค เหลือเพียงชิ้นละ 149 บาท นอกจากนี้ ยังมีการลดราคาสินค้าสูงสุด 50% ในกลุ่มสินค้าผู้หญิง ผู้ชาย วัยรุ่น และเด็ก ตั้งแต่วันนี้ - 12 ตุลาคม 2564 เรียกได้ว่าให้คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
ส่วนแบรนด์ลีวายก็ไม่น้อยหน้า ขอจัดโปรโมชั่นลด 50% เช่นกัน ด้วยการขนสินค้าทั้งแฟชั่นยีนส์ และแฟชั่นทั่วไป นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชั่นลด 30% โปรโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 และโปรโมชั่นลด 1010 เมื่อซื้อครบ 2,000 บาท เพื่อกระตุ้นยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้านแบรนด์แม็ค(Mc) ก็ออกมาจัดโปรโมชั่นเสื้อยืดแม็คยีนส์ดีไซน์พิเศษ ขายกันในราคาเพียง 395 บาท (จากปกติ 795 บาท) เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายเสื้อ 1 ตัว ไปบริจาค 100 บาท และแม็คยีนส์สมทบเพิ่มอีก 100 บาท เข้า “โครงการตัวเล็กใจใหญ่” ของมูลนิธิ Let’s Be Heroes นอกจากนี้ ยังทำโปรโมชั่น 1010 SUPER DEAL เพื่อรับคูปองส่งฟรี เมื่อซื้อสินค้าครบ 500 บาทขึ้นไป
นอกจากจะออกมาทำโปรโมชั่นอย่างหนักแล้ว แบรนด์แม็คยังออกมาขยายช่องทางในการจำหน่ายสินค้า ด้วยการเปิดตัว “MC OUTLET” ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น เพื่อเจาะกลุ่มนักเดินทาง และชุมชนใกล้เคียง ด้วยการนำร่องที่สาขาวังน้อย เป็นสาขาแรก
นายเจมส์ ริชาร์ด อมตวิวัฒน์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Mc กล่าวว่า บริษัทได้จับมือร่วมกับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ ผู้นำธุรกิจสถานีบริการน้ำมันในประเทศ โดยการเปิดตัว “แม็ค เอาท์เล็ท” (MC OUTLET) ในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น เพื่อเป็นการนำร่องเปิดให้บริการสาขาแรกของร้าน “แม็ค เอาท์เล็ท” ด้วยการใช้สาขาวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นสาขาต้นแบบ เนื่องจากทำเลดังกล่าวถือเป็นเกตเวย์ (Gateway) ของการเดินทางสู่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ การขยายสาขาในรูปแบบเอาท์เล็ท ยังเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของ แม็คกรุ๊ป ในการขยายฐานลูกค้า เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงทำให้ แม็คกรุ๊ป ต้องปรับกลยุทธ์เพิ่มบริการใหม่เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคในยุค New Normal ซึ่งรูปแบบของสาขาดังกล่าว แม็คกรุ๊ป จะเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับลูกค้า ด้วยดีไซน์ร้านรูปแบบใหม่ในขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม. เน้นความวาไรตี้ของสินค้า และคุณภาพในราคาที่สามารถจับต้องได้ ซึ่งนอกจากจะมีเสื้อผ้าจำหน่ายแล้ว ยังมีการเพิ่มกลุ่มสินค้า Accessory และ Grab & Go เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้านักเดินทางที่มีเวลาจำกัด
นายเจมส์ กล่าวต่อว่า บริษัทมีแผนที่ผลิตสินค้าเอ็กซ์คลูซีฟ เพื่อวางจำหน่ายในร้านแม็ค เอาท์เล็ทโดยเฉพาะเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการในช่วงวันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ลูกค้าให้ผลการตอบรับเป็นที่น่าพอใจ โดยหลังจากเปิดสาขาวังน้อยแล้วบริษัทก็มีแผนที่จะเปิดสาขา “แม็ค เอาท์เล็ท” เพิ่มขึ้น เพื่อให้มีจำนวนสาขาไม่ต่ำกว่า 15 แห่ง ภายในกลางปี 2565 ซึ่งทำเลที่จะใช้ในการขยายสาขาจะเน้นไปที่แหล่งชุมชน และเส้นทางการสัญจรที่มีรถหนาแน่น
ทั้งนี้ นอกจากจะให้ความสำคัญกับการขยายร้าน แม็ค เอาท์เล็ท แล้ว แม็คกรุ๊ป ยังจะเดินหน้ารีโนเวตร้าน mc mc ทั้ง 55 สาขา ที่เปิดให้บริการในสถานีบริการพีทีที สเตชั่น เพื่อเปลี่ยนเป็น “แม็ค เอาท์เล็ท” ซึ่งจากแผนการดำเนินงานดังกล่าวจะทำให้ แม็คกรุ๊ป มีสาขาแม็ค เอาท์เล็ท ภายในกลางปี 2565 รวมทั้งสิ้นประมาณ 70 สาขา
.jpg)
ข่าวเด่น