เพื่อเป็นการรณรงค์และสร้างการรับรู้ รวมถึงสร้างองค์ความรู้ และการมีส่วนร่วมในการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste นับว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นของผู้คน จึงกำหนดให้วันที่ 14 ตุลาคม เป็นวัน International E-Waste Day ซึ่งความสำคัญดังกล่าวมีความสอดคล้องกับแนวทางการทำงานด้านความยั่งยืนของ AIS ในด้านการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้สร้างความตระหนักรู้ผ่าน การสื่อสาร กิจกรรม และโครงการต่างๆ ทำให้สามารถเก็บ E-Waste เข้าสู่กระบวนการจัดการที่ถูกต้องได้แล้วกว่า 223,807 ชิ้น ซึ่งสามารถดูดซับปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 2,238,070 กิโลกรัมคาร์บอนสมมูลย์ เทียบเท่ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ 248,674 ต้น (น้ำหนัก 10,749.17 Kg. / 10.7 Tons)
โดยในปีนี้ได้น้องเทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ หนึ่งใน AIS Family ในฐานะเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นเหรียญที่ทำมาจากขยะอิเล็กทรอนิกส์มาร่วมรณรงค์ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการจัดการ E-Waste ถึงวันนี้เป้าหมายภารกิจ คนไทยไร้ E-Waste ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง และ AIS ขออาสาเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้และจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี มุ่งเน้นการทำงานกับพันธมิตรและภาคส่วนต่างๆ สร้างการมีส่วนร่วมเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นางสายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าฝ่ายงานประชาสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า “เนื่องในวัน International E-Waste Day ประจำปีนี้ AIS ขอใช้โอกาสนี้ในการย้ำเตือนสังคมให้เห็นถึงปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Waste ที่มีการเติบโตสูงสุดในบรรดาขยะทั้งหมด ซึ่งจะต้องจัดการทิ้งให้ถูกวิธีและมีความรับผิดชอบ จากความตั้งใจนี้ทำให้เราสร้างภารกิจ คนไทยไร้ E-Waste ขึ้น โดยรับอาสารวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล และกำจัดตามมาตรฐานสากล ปัจจุบันได้จัดทำถังรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ วางในจุดต่างๆ ทั่วประเทศ รวมแล้วกว่า 2,400 จุด และได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรในภาคส่วนต่างๆ เช่น ไปรษณีย์ไทย ที่สามารถฝากทิ้ง E-Waste กับพี่ไปรษณีย์ได้ รวมถึงองค์กรเครือข่ายคนไทยไร้ E-Waste ในการเป็นจุดรับทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์จากคนไทยทั่วประเทศ”
“เป้าหมายการทำงานของ AIS ต่อเรื่องขยะอิเล็กทรอนิกส์จึงไม่ใช่เพียงแค่กิจกรรมเพื่อสังคม แต่เราต้องการทำให้ภารกิจ คนไทยไร้ E-Waste ถูกขยายออกไปสู่การสร้าง Engagement กับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน โดยวันนี้เราพร้อมที่จะเป็นศูนย์กลางด้านองค์ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี ซึ่งจะไม่ใช่แค่การได้มาซึ่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ลดลงเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างประโยชน์ที่เกิดจากการรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ให้กลับมามีคุณค่าอีกครั้ง”
เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ เล่าว่า “เหรียญทองโอลิมปิกนับว่าเป็นความภูมิใจสูงสุดที่เกิดจากความพยายาม และที่สำคัญคือทุกเหรียญเกิดจากความตั้งใจของชาวญี่ปุ่นในการรวบรวมขยะอิเล็กทรอนิกส์มาสร้างเป็นเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬา ซึ่งถือว่าเราได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปริมาณขยะอิเล็กทรอนิกส์ และยังเป็นตัวอย่างในการรีไซเคิลให้ขยะกลับมามีคุณค่าอีกครั้ง วันนี้ยังมีขยะอิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่ยังจัดการไม่ถูกวิธี เราต้องเริ่มจากการวางแผนการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ ให้คุ้มค่าที่สุด และหากจำเป็นต้องทิ้งก็ควรทิ้งให้ถูกวิธีกับ AIS ที่มีจุดรับทิ้งมากมาย พวกเราทุกคนช่วยกันได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อสุขภาพ สิ่งแวดล้อม
และโลกของเรา”
นางสายชล กล่าวในตอนท้ายว่า “นอกเหนือจากการทำงานเพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ด้วยดิจิทัลเทคโนโลยีในทุกรูปแบบแล้ว เรายังมีอีกหนึ่งพันธกิจในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกลุ่มต่างๆ ร่วมดูแลรับผิดชอบต่อสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมให้สามารถเติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืนได้ เราเชื่อว่าการจะขับเคลื่อนเพื่อจัดการกับขยะอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้คนไทยไร้ E-Waste ได้นั้น ต้องเกิดจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง และลงมือทำอย่างจริงจัง ก็จะทำเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ในที่สุด ทั้งนี้หากองค์กรใดสนใจเข้าร่วมเป็นเครือข่าย คนไทยไร้ E-Waste ก็สามารถติดต่อได้ที่ E-Mail: aissustainability@ais.co.th เพื่อร่วมกันดูแลสิ่งแวดล้อม ของเราไปด้วยกัน”
ข่าวเด่น