หุ้นทอง
ส่องหุ้นมองทอง : ราคาทองเคลื่อนไหว Sideway up แนะหาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัว


ราคาทองเคลื่อนไหว Sideway up แนะหาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัว

แรงกดดันจากกลุ่มพลังงานคาดดัชนีแกว่งตัว Sideway  

จากสัปดาห์ก่อนหน้าทองคำปรับขึ้นไปทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,813 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจาก GDP ไตรมาส 3 ของสหรัฐฟุบตัวลงเหลือ 2.0% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.6%  และไตรมาสก่อนหน้าสูงถึง 6.7% สาเหตุมาจากการแพร่ระบาดโควิดที่ระบาดอย่างหนักในเดือนสิงหาคม ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มเฉลี่ยแล้วแตะระดับ 160,000 ต่อวัน และกิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง ภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาส 3 จึงดูไม่สดใสนัก
 

ช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานักลงมีความกังวลต่อการประชุม FOMC ช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้นักลงทุนบางส่วนตัดสินใจเทขายทองคำเพื่อทำกำไรก่อนช่วงต้นสัปดาห์เป็นเหตุให้ราคาทองคำย่อตัวลงทำจุดต่ำสุดบริเวณ  1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยมติการประชุม FOMC คือ การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป

แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ เฟดปรับลดวงเงิน QE ลง เดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มลดวงเงิน QE ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้และจะไปสิ้นสุดเดือนกรกฎาคมปีหน้า เมื่อผลการประชุมออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ทองคำเริ่มรีบราวน์กลับขึ้นทดสอบระดับ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ขณะที่สัปดาห์นี้จับตาตัวเลขเศรษฐกิจอย่างดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI),ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) และเงินเฟ้อเดือนตุลาคม ล้วนแล้วปัจจัยที่สำคัญเนื่องจากตลาดจับตาเงินเฟ้อ เพราะปัญหา supply shortages เป็นตัวเร่งให้เงินเฟ้อยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อไปได้ ฉะนั้นเมื่อตลาดรับข่าวการปรับลดวงเงิน QE ไปบ้างแล้ว ทองคำย่อตัวลงไม่มากนัก

อีกทั้งเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวในระยะถัดไป ซึ่งทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและสามารถป้องกันความเสี่ยงดอลลาร์ที่อ่อนค่า ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดราคาทองคำเคลื่อนไหว Sideway up โดยประเมินกรอบในสัปดาห์นี้ 1,770-1,815 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำให้หาจังหวะ Long เมื่อราคาอ่อนตัวลงใกล้แนวรับ

สำหรับบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (5 พ.ย.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ เป็นส่วนใหญ่ แต่ดัชนีปิดทรงตัวไม่เปลี่ยนแปลง ปริมาณการซื้อ-ขาย เบาบางเนื่องจากเป็นวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ แรงซื้อ-ขายในหุ้นกระจายตัว มีกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีที่ปรับตัวลงเป็นส่วนใหญ่ จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงต่อเนื่อง จากการปรับเพิ่มกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปกพลัส ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,626.22 จุด -0.05 จุด 0.00% มูลค่าการซื้อขาย 67,333 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวออกข้างในลักษณะ Sideway  หลังปรับตัวขึ้นแรง โดยมีแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลง ขณะนักลงทุนยังติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียน มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1600-1,640 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น BGRIM ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 43.75 บาท ดีดตัวขึ้นจากระดับ Bottom Zone โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD เพิ่งส่งสัญญาณ Bullish หากผ่าน 46.50 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 50.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 42.50 บาท มีจัด cut loss อยู่ที่ 42.00 บาท

และหุ้น HTECH มีราคาปิดล่าสุดที่ 6.70 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น พร้อม Volume เข้าสามวันติด ขณะที่ Slow Sto.+MACD ส่งสัญญาณซื้อต่อเนื่อง วางต้านแรกที่ 6.90 บาท ผ่านได้ลุ้นทดสอบ High เดิมแถว 7.40 บาท มีแนวรับที่ 6.40 บาท และมีจุด cut loss ที่ 6.20 บาท

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 08 พ.ย. 2564 เวลา : 10:56:23
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 7:40 pm