10 พ.ย.2564 ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดเสวนา “รถไฟจีน-สปป.ลาว ประเมินโอกาส ความท้าทาย ผู้ประกอบการไทย” โดยมีนายมงคล วิศิษฎ์สตัมภ์ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง กล่าวบรรยายถึงโอกาสทางธุรกิจ และความท้าทายของผู้ประกอบการไทย กับเส้นทางรถไฟจีน – สปป. ลาว
นายมงคล วิศิษฎ์สตัมภ์ กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (BRI) ของจีน ที่ต้องการจะสร้างโครงข่ายการขนส่งเชื่อมต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียใต้ เอเชียกลาง และไปถึงยุโรป ซึ่งปัจจุบันภายในจีนเองมีโครงข่ายรถไฟพร้อมแล้ว และสามารถเชื่อมกับโครงข่ายรถไฟทางฝั่งเอเชียกลางจนถึงยุโรปได้แล้ว ส่วนฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จีนต้องการจะเชื่อมผ่านประเทศไทยลงไปจนถึงสิงคโปร์ในอนาคต
สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงจีน-สปป.ลาว ซึ่งจะเชื่อมต่อมายังไทยในอนาคตอันใกล้ เป็นโจทย์สำคัญที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันหาคำตอบที่จะช่วยทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับประโยชน์ทั้งในเรื่องการค้า การลงทุน ธุรกิจท่องเที่ยว และภาคบริการ ซึ่งผู้ประกอบการไทยไม่ควรพลาดโอกาสในการเข้าไปมีส่วนร่วมในการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงโลจิสติกส์จากระบบขนส่งทางรางสายนี้
“ประโยชน์ของโครงการรถไฟความเร็วสูงจากจีนไป สปป.ลาว จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การค้าข้ามแดน และโลจิสติกส์ ซึ่งไม่เฉพาะจีน และ สปป.ลาว เท่านั้นที่จะได้ประโยชน์จากโครงการนี้ แต่ประเทศไทยเองก็จะได้ประโยชน์ไปด้วยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูงไทย -จีน ที่ใช้เวลาก่อสร้างอีก 5-7 ปี แล้วเสร็จ รวมถึงโครงการรถไฟทางคู่ที่จะไปเชื่อมต่อจะใช้ระยะเวลาพัฒนาอีก 4-5 ปี แล้วเสร็จเช่นกัน ก็จะเกิดการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ และประเทศไทยก็จะเป็นประตูการค้าการลงทุนที่สำคัญของภูมิภาคนี้"นายมงคลกล่าว
กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง กล่าวต่อไปว่า ฉะนั้นในช่วงนี้ที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และโครงการรถไฟทางคู่ที่จะไปเชื่อมต่อยังไม่แล้วเสร็จ ผู้ประกอบการไทยควรฉวยโอกาสนี้ เกาะเกี่ยวโครงการรถไฟจีน-สปป.ลาว ไปพลางก่อน โดยระยะแรกอาจใช้วิธีขนส่งสินค้าข้ามแม่น้ำโขงไปก่อนแล้วไปเชื่อมต่อระบบรถไฟความเร็วสูงจากสปป.ลาว ไปจีน เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการขนส่งสินค้าจากไทยไปจีนตอนใต้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี ขยายตัวเฉลี่ยที่ 6.4% ต่อปี มีประชากรจำนวนมากกว่า 1,412 ล้านคน จึงเป็นตลาดการค้าใหญ่ที่มีความสำคัญของสินค้าไทย ขณะที่ มณฑลยูนนาน เป็นมณฑลของประเทศจีนที่อยู่ใกล้ประเทศไทยมากที่สุดกำลังมีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในฐานะประตูเชื่อมจีนกับเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงมีนัยสำคัญต่อการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียน โดยเฉพาะกับประเทศเพื่อนบ้านในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ดังนั้นพัฒนาการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในยูนนานและมณฑลข้างเคียง จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยและผู้ประกอบการไทย
“การเปิดเดินรถไฟความเร็วสูง เชื่อมระหว่าง จีน-สปป.ลาว ถือเป็นการพลิกโฉมภาคการขนส่ง ทำให้การขนส่งสินค้าจากไทยไปจีนตอนใต้ใช้เวลาเพียง 1 วัน สามารถลดเวลาจากการขนส่งสินค้าทางถนน และทางเรือที่ใช้เวลามากกว่าและเกิดความเสี่ยงที่สินค้าจะเสียหายได้มาก เพราะสินค้าไทยที่ส่งไปจีนในปัจจุบันส่วนใหญ่ 80-90% เป็นสินค้าเกษตรและผลไม้ รองลงมา คือ สินค้าบิวตี้และสินค้าสุขภาพ ทำให้จำเป็นต้องใช้การขนส่งที่รวดเร็ว และสร้างความเสียหายน้อยที่สุด เพื่อไม่ให้เน่าเสียและช้ำ ผู้ประกอบการไทยจึงไม่ควรพลาดโอกาสครั้งนี้ในการเข้าไปมีส่วนร่วมใช้ประโยชน์จากการขนส่งผ่านระบบรางของเส้นทางรถไฟจีน-สปป.ลาวสายนี้”กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง กล่าว
สำหรับการเปิดการเดินรถของโครงการรถไฟความเร็วสูง จีน-สปป.ลาว นี้ กำหนดจะเปิดในวันชาติลาว วันที่ 2 ธ.ค.2564 โดยมีสถานีทั้งหมด 32 สถานี แบ่งเป็น สถานีขนส่งสินค้า 22 สถานี และสถานีโดยสาร 10 สถานี โดยเส้นทางใน สปป.ลาว จะผ่านเมืองสำคัญๆ หลายแห่ง ทั้งในนครหลวงเวียงจันทน์ แขวงเวียงจันทน์ แขวงอุดมไซ และแขวงหลวงพระบาง จนถึงปลายทางเมืองบ่อเต็น ในแขวงหลวงน้ำทา และข้ามไปฝั่งจีนที่ โม่ฮาน-สิบสองปันนา-คุนหมิง เมืองเอกของมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน และสามารถใช้โครงข่ายรถไฟของจีนไปต่อได้ทั่วประเทศจีน
ข่าวเด่น