หาจังหวะ Short ราคาทองเคลื่อนตัวไม่ผ่านแนวต้าน
คาดดัชนีสัปดาห์นี้ปรับตัว Sideway Down
ภาพรวมจากเดือนที่ผ่านมาทองคำแกว่งตัวบริเวณ 1,769-1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เริ่มจากช่วงต้นเดือนราคาทองคำรีบาวด์ขึ้นค่อนข้างแรง สาเหตุมาจากนักลงทุนกังวลเรื่องเงินเฟ้อของสหรัฐที่เดือนตุลาคมเร่งตัวสูงถึง 6.2% สูงสุดในรอบ 30 ปี
ความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อแตะระดับ 1,877 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ต่อมาช่วงกลางเดือนเป็นต้นมามีประเด็นการเลือกประธานธนาคารกลางสหรัฐคนใหม่ ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ คือ พาวเวล ได้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่ออีก 1 สมัย ซึ่งได้เน้นย้ำการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเพิ่มมากขึ้น
โดยล่าสุดเฟดชี้การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนจะทำให้เกิดปัญหา supply shortage ไปอีกสักระยะ เนื่องจากหลายประเทศในยุโรปอาจกลับมาล็อกดาวน์ ซึ่งเฟดชี้ให้เห็นว่าเงินเฟ้อสหรัฐไม่ใช่ปัญหาชั่วคราวอีกต่อไป อีกทั้งเฟดจอาจจะพิจารณาปรับลดลงวงเงิน QE มากกว่า 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกรอบระยะเวลาที่เร็วขึ้น ความกังวลดังกล่าวทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,769 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนมุมมองในเดือนนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับทองคำ ถึงแม้เงินเฟ้อจะมีแนวโน้มเร่งตัวแต่เฟดเองก็ได้เตรียมแผนรับมือไว้บ้างแล้ว สิ่งสำคัญคือนักลงทุนจำเป็นต้องพิจารณาตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนอย่าง การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน
อีกทั้งความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่เฟดจะใช้พิจารณาในประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินวันที่ 14-15 ธันวาคมนี้ หากเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นอีกเป็นไปได้ว่าใน 2022 เมื่อลด QE เสร็จในช่วงกลางปีก็อาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปีได้ ฝ่ายวิจัยบล.โกลเบล็ก ประเมินกรอบทองคำในเดือนนี้ 1,730-1,840 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยแนะนำให้หาจังหวะ Short เมื่อราคาทองคำเคลื่อนตัวไม่ผ่านแนวต้าน
มำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นวันศุกร์ ที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหว แกว่งตัวแดนลบในกรอบแคบ จากการที่ตลาดยังมีความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่ยังมีความไม่แน่นอน ประกอบกับเป็นวันทำการสุดท้ายก่อนเข้าสู่ช่วงหยุดยาว ทำให้ปริมาณการซื้อ-ขายลดลง หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวสลับบวก-ลบ ยังไร้ทิศทางที่ชัดเจน เป็นหน้าหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่ปรับตัวเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาด เช่น PPM, SAAM, B, JTS, W ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,588.19 จุด -3.65 จุด -0.23% มูลค่าการซื้อขาย 54,937 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีปรับตัวในลักษณะ Sideway Down โดยนักลงทุนยังติดตามสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน อย่างใกล้ชิด ซึ่งล่าสุดมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อในอินเดีย และในมาเลเซีย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,550-1,600 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจีบตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่ LEO ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 13.00 บาท ทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง พร้อมปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD มีสัญญาณ Bullish คาดราคามีโอกาสขึ้นต่อ โดยมีแนวต้านที่ 13.50-15.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 12.30 บาท และจุดcut loss อยู่ที่ 12.00 บาท
และหุ้น AH ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 25.25 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมี Volume สี่วันติด ประกอบกับ MACD เพิ่งพลิกตัด Signal Line หากผ่าน High ที่ 27.25 บาทจะมีต้านถัดไปที่ 30.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 24.70 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 24.50 บาท
ข่าวเด่น