สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำค่อนข้างที่จะผันผวน เริ่มจากช่วงต้นสัปดาห์ทองคำปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลการประชุม FOMC จะเซอร์ไพรส์ตลาด ความกังวลดังกล่าวกดดันราคาทองคำทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,753 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ต่อมาเมื่อแถลงการประชุมดังกล่าวไม่ผิดจากที่ตลาดคาดการณ์ไว้ คือ ปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ จากก่อนหน้าที่ 15,000 ล้านดอลลาร์เริ่มตั้งแต่เดือนม.ค.2565 ส่งผลให้เฟดยุติการทำ QE ในเดือนมี.ค.2565
นอกจากนี้ ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565 ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดส่งผลให้ทองรีบราวน์กลับทำจุดสูงสุดแตะบริเวณ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สัปดาห์นี้ต้องจับตาเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะออกมามากกว่าครั้งก่อน ซึ่งจะสอดคล้องกับเงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาสูงสุดในรอบ 39 ปี ที่ระดับ 6.8% หาก Core PCE ออกมามากกว่าคาดการณ์ จะเป็นตัวเร่งให้เฟดพิจารณาแนวโน้มผลกระทบต่อเงินเฟ้อในระยะถัดไปและมีประกาศตัวเลขสำคัญอย่าง GDP Q-o-Q ของสหรัฐด้วยเช่นกัน ซึ่งนักลงทุนอาจมองว่าตลาดรับข่าวร้ายไปพอสมควรแล้ว
อีกทั้งยังมีปัจจัยกดดันรออยู่ข้างหน้า ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าสัปดาห์นี้ทองคำอาจแกว่งตัว Sideway up มองกรอบในการซื้อขายจะอยู่ระหว่าง 1,770-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (17 ธ.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบ ราว -5 ถึง -7 จุด ดัชนีพักตัวหลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับดัชนีติดแนวต้านทางเทคนิค บริเวณ 1,645 จุด ทำให้มีแรงขายออกมาก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุด เป็นแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร และกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนช่วงปิดตลาดมีปรับหุ้นเข้า-ออก ดัชนี FTSE ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,641.73 จุด -3.59 จุด -0.22% มูลค่าการซื้อขาย 96,099 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway ออกข้าง หลังปรับตัวขึ้นแรงก่อนหน้า โดยมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นแรง ในขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19สายพันธุ์โอมิครอน เริ่มมีหลายประเทศเริ่มประกาศใช้มาตรการควบคุมเข้มข้นขึ้น คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,610-1,660 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น NWR ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 1.13 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น พร้อม Volume เข้าชัดเจน และ Slow Sto. มีค่าสัญญาณซื้อหนุน หากผ่านต้าน 1.15 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 1.22 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 1.08 บาท และมีจุดcut loss อยู่ที่ 1.06 บาท
และหุ้น MCS ราคาล่าสุดอยู่ที่ 14.70 บาท กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น โดยมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD เพิ่งส่งสัญญาณซื้อ คาดราคามีโอกาสทดสอบ 15.20-16.20 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 14.50 บาท และมีจุด cut loss ที่ 14.20 บาท
ข่าวเด่น