บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ ผู้ผลิต และจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดจากน้ำยางธรรมชาติ พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 23 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,342.24 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ ว่า “WFX”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคและบริโภค หมวดแฟชั่น โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “WFX” ในวันที่ 23 ธันวาคม 2564
WFX ประกอบธุรกิจผลิตเส้นด้ายยางยืด 2 ประเภท ได้แก่ เส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้ง และเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบซิลิโคน โดยจำหน่ายสินค้าให้แก่ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศภายใต้ตราสินค้าของบริษัทฯ ทั้งหมดจำนวน 7 ตราสินค้า ได้แก่ WORLD FLEX, THAITEX, QUALIFLEX, LT RUBBER, CHANGTHAI, PEGASUS (Blue), PEGASUS (China) กำลังการผลิตจริงของเส้นด้ายยางยืดทุกขนาดรวมกันประมาณ 36,000 ตันต่อปี ภายใต้แนวคิด “A Manufacturer of High Quality Natural Rubber Thread” ซึ่งบริษัทมีความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดโลก จากการที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตน้ำยางข้นอันดับ 1 ของโลก และมีน้ำยางคุณภาพดีและมีปริมาณเพียงพออย่างสม่ำเสมอ
WFX มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหลัง IPO 464.20 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมจำนวน 322.20 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 142 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรกระหว่างวันที่ 9-17 ธันวาคม 2564 ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท มูลค่าระดมทุนรวม 1,022.40 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 3,342.24 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เวิลด์เฟล็กซ์ เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์การดำเนินธุรกิจมากกว่า 30 ปี WFX มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดชั้นนำของโลก นำเสนอสินค้าที่มีคุณภาพในระดับสากลที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม และให้บริการที่สร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยบริษัทฯ มีแผนเพิ่มขีดความสามารถด้วยโครงการลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืดมูลค่าการลงทุน 740 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตติดตั้งของบริษัทฯ จากปีละ 47,160 ตัน เป็น 61,000 ตันในปี 2566 นอกจากนี้ WFX ยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
WFX มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ บมจ. ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) ถือหุ้น 66.35%
WFX มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 1 ใน 3 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัทฯ
ข่าวเด่น