หุ้นทอง
นักวิเคราะห์คาดทุนนอกไหลกลับหลังปีใหม่หนุนค้าปลีกฟื้นตัว


นักลงทุนต่างชาติ เตรียมไหลกลับหลังปีใหม่ รอช้อนหุ้นตัวใหญ่ แนวโน้มกลุ่มค้าปลีกฟื้นตัวดี แม็คโครเตรียมรับอานิสงส์
 
 
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ตลาดหุ้นประเทศไทย ต้องเผชิญกับความท้าทายหลายต่อหลายครั้ง ทำให้กระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ไหลออกจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง หากดูตัวเลขจากต้นปี 2564 มาจนถึงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวม 76,000 ล้านบาท 
 
บรรดานักวิเคราะห์จากหลายค่าย สะท้อนมุมมองว่า เหตุผลมาจากประเทศไทยมีความผันผวนทางเศรษฐกิจ และการฉีดวัคซีนในช่วงต้นปีค่อนข้างล่าช้า โดยมาเร่งฉีดวัคซีนช่วงกลางปีที่ผ่านมา และปลายปียังโดนกระแสของเชื้อโควิดกลายพันธุ์ โอมิครอน บวกกับเงินเฟ้อ Hyper Inflation จากทั่วโลก ทำให้กระแสปลายปีใกล้คริสมาสต์เงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติช่วงเวลาที่ผ่านมา ยังคงยากที่จะไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทย 
 
ขณะที่มีโบรกเกอร์ใหม่รายหนึ่ง คาดการณ์ว่าต้องรอหลังปีใหม่ โอกาสที่จะได้เห็นการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากเขามองว่าแนวโน้มทางเศรษฐกิจของไทยมีความสดใสมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่มีการปรับโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง บวกกับหุ้นหลายตัวที่มีโครงสร้างพื้นฐานดีอยู่แล้ว พร้อมรับการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ 
 
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ ยังมองว่า แนวโน้มที่นักลงทุนต่างชาติจะกลับมาซื้อหุ้นไทยในไตรมาส 1 ปีหน้าไม่ไกลเกินจริง โดยเฉพาะกลุ่มค้าปลีกที่มีพื้นฐานดี และมีตัวเลขรายได้กลับมาเป็นที่น่าพอใจ เนื่องจากคนเริ่มกลับมาจับจ่ายใช้สอย และจำนวนการซื้อของออนไลน์จากกลุ่มค้าปลีกที่สูงขึ้น ทำให้เป็นรายได้ใหม่ 

 “ปกตินักลงทุนต่างชาติ จะมีนโยบายในการซื้อหุ้นขนาดใหญ่ และมีพื้นฐานที่ดี ทำให้กลุ่มค้าปลีกเป็นเป้าหมายในการกลับมาของนักลงทุน ทำให้หุ้นกลุ่มค้าปลีกหลายตัว โดยเฉพาะแม็คโคร ที่เริ่มมีการซื้อขาย อาจมีการเตรียมรอช้อนจากนักลงทุนต่างชาติ” 

นักวิเคราะห์ ยังมองว่า ในสถานการณ์แบบนี้ นักลงทุนรายย่อยต้องใจแข็งถือยาว เพราะต้นปีภาครัฐมีแนวทางการคลายล็อกดาวน์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 และวัคซีน มีความเพียงพอ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำเป็นต้องทำเชิงรุก รวดเร็ว และใช้เม็ดเงินที่สูง เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น การจับจ่ายใช้สอย ก็จะกลับมา และ มีรายได้เติบโตแบบมั่นคง ทำให้ตรงใจกับนักลงทุนแบบคุณค่า (VI) ในการถือยาว 

สำหรับในช่วงปลายปีที่ผ่านมา บรรดานักวิเคราะห์หลายกลุ่ม มองว่า การควบรวมโลตัส และการขายหุ้น PO ของกลุ่มแม็คโคร ต้องถือได้ว่า เป็นความท้าทาย เพราะเป็นช่วงเวลาปลายป ที่มีทั้งสถานการณ์โควิด เงินเฟื้อ และ เงินทุนต่างชาติไหลออกจากหุ้นไทยในช่วงนั้นพอดี เป็นเหมือนกับประเทศอื่นในตลาดเกิดใหม่ เพราะอัตราการฉีดวัคซีนยังน้อยมาก และผลกระทบรอบนี้ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งตลาดเกิดใหม่ยังพึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศและท่องเที่ยว ทำให้ยังไม่ฟื้น และในระยะสั้นยังคงไม่ไหลกลับเข้ามา ซึ่งการระดมทุนรอบนี้ได้ไปกว่า 50,000 ล้านบาท
          
นักวิเคราะห์ ยังเชื่อว่า นักลงทุนต่างชาติ เตรียมไหลกลับมาหลังปีใหม่ เพื่อรับการฟื้นตัวของค้าปลีก และการปรับตัวเข้าสู่อีคอมเมิร์ซ ซึ่งมีดัชนีหลายตัว เป็นเครื่องบ่งชี้สัญญาณบวกในการค้าออนไลน์ ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีก มีให้นักลงทุนเลือกอยู่หลายตัว โดยเสน่ห์ของหุ้นกลุ่มนี้คือ เป็นของที่ต้องกินต้องใช้ ไม่ว่าจะมีวิกฤตอะไรก็ตาม คนยังไม่หยุดบริโภค จับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะนาทีนี้ ไม่ใช่แค่เชื้อโควิดกลายพันธุ์เกิดเป็นโอมิครอน
 
ขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ มองว่า กลุ่มค้าปลีก ก็กำลังซุ่มปรับโครงสร้างสู่การเป็นผู้เล่น O2O E-Commerce เพื่อแข่งขันในตลาดที่กว้างขึ้น จะเห็นได้ว่า ผู้เล่นในกลุ่มค้าปลีก มีอัตราการเติบโตในด้านการสั่งของออนไลน์เติบโตอย่างมาก ตัวอย่างเช่น เซเว่นอีเลฟเว่น ที่มีบริการ ดีลิเวอรี่-O2O หนุนยอดขายเซเว่นไตรมาส 2 โต 6.6% เป็นต้น เชื่อว่าหุ้นพื้นฐานแกร่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุน (VI) เฟ้นหาเพื่อเก็บไว้ในพอร์ตช่วงภาวะตลาดหุ้นผันผวน หรือแม้ช่วงภาวะตลาดสดใส 
  
ดังนั้น นักวิเคราะห์จึงคาดว่า ดัชนี ตลาดหุ้นไทย (SET Index) จะฟื้นตัวกลับมาหลังปีใหม่ โดยการฟื้นตัวมีปัจจัยหนุนจากตลาดคลายกังวลเรื่องผู้ป่วยที่ติดเชื้อโอมิครอนมีอาการไม่รุนแรง ทำให้มีแนวโน้มไม่ต้องกลับมาเผชิญมาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด โดยตั้งแต่วันที่ 1-17 ธันวาคม นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิราว 3.1 พันล้านบาท ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิเล็กน้อย 830 ล้านบาท 
 
ส่วนแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยจนถึงสิ้นปีนี้  นักวิเคราะห์คาดว่า จะแกว่งตัวออกข้างในกรอบ 1,600-1,670 จุด ซึ่งตลาดจะกลับมาจับตาความเสี่ยงเรื่องนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น โดยที่ Fed เร่งทำ QE Tapering และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วขึ้น และเกาะติดการแพร่ระบาดที่เป็นไปอย่างรวดเร็วของโอไมครอน
   
ด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทย นักวิเคราะห์คาดว่าจะฟื้นตัวในปี 2022 จากที่หดตัวลง 6.1% ในปี 2020 และเติบโต 1.0% ในปี 2021 คาดการส่งออกปี 2022 จะเติบโต 2% การบริโภคภาคเอกชนจะเติบโต 4% เศรษฐกิจรวมจะเติบโต 3.6-4.0% และนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยจำนวน 8 ล้านคน ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% ในปี 2022 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจรวมที่เติบโต 3-4%
  
นักวิเคราะห์ ยังคาดหมายว่า ต้นปี นักลงทุนต่างชาติจะกลับมา โดยมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ตลาดหุ้นจะเริ่มฟื้นตัว จนโบรกเกอร์บางสำนักมองว่าดัชนีหุ้นอาจพุ่งทะยานไปแตะที่ 1,700 จุด มีการคาดหมายว่า ในเดือนมกราคม นักลงทุนต่างชาติจะกลับมา โดยมีแรงหนุนจากการเปิดประเทศเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ตลาดหุ้นจะเริ่มฟื้นตัว การกลับมาสดใสของหุ้นกลุ่มค้าปลีกจึงเป็นมุมมองที่ไม่ไกลเกินความจริงนัก

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ธ.ค. 2564 เวลา : 19:46:52
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 12:34 pm