ถือเป็นข่าวดีสำหรับขาช้อปและผู้ประกอบการในธุรกิจมากเลยทีเดียว หลังจากเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการของขวัญปีใหม่ 2565 ของกระทรวงการคลัง ซึ่งหนึ่งในนั้นมีโครงการช้อปดีมีคืน เป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในปี 2565 โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. - 15 ก.ค. 2565 เพื่อใช้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 หมื่นบาท สำหรับผู้มีเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในระบบกว่า 3.7 - 4.0 ล้านคน
จากการประกาศดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการค้าปลีกออกมารับลูกโครงการดังกล่าวทันที เพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายต่อเนื่องจากปี 2564 โดยมีสมาคมผู้ค้าปลีกไทยเป็นหัวหอกหลักในการออกมาประกาศกลยุทธ์ และเป้าหมายการทำแคมเปญกระตุ้นยอดขายให้สอดคล้องกับโครงการช้อปดีมีคืน
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า การออกมาประกาศเดินหน้าต่อของโครงการช้อปดีมีคืนของภาครัฐ ถือเป็นเรื่งที่ดีและต้องขอขอบคุณรัฐบาลที่รับฟังข้อเสนอของภาคเอกชน และให้ความสำคัญกับการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ เพราะเรื่องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่สมาคมฯ ได้ผลักดันมาโดยตลอด ซึ่งการประกาศเริ่มต้นโครงการในช่วงต้นปี 2565 ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีและเป็นกระสุนทางเศรษฐกิจนัดแรกในการอัดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยที่มีประสิทธิภาพ เพราะสามารถสนับสนุนการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด โดยทางสมาคมคาดการณ์ว่าโครงการดังกล่าวจะมีเม็ดเงินสะพัดเข้าไปในระบบเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 4 - 5 หมื่นล้านบาท
สำหรับของรายละเอียดของโครงการช้อปดีมีคืน ที่ผู้ประกอบการค้าปลีกเข้าร่วมในครั้งนี้ มีดังนี้ 1.ระยะเวลาตั้งแต่ 1 มกราคม - 15 กุมภาพันธ์ 2565 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2565 2.กลุ่มเป้าหมาย เป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7 - 4.0 ล้านคนทั่วประเทศ คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมโครงการ 1.5 - 2.0 ล้านราย 3.วงเงินเป็น 30,000 บาท คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 4 - 5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.15 %
นายญนน์ กล่าวต่อว่า ในภาวะความไม่แน่นอนของการแพร่ระบาดของโอมิครอน ที่อาจมีการควบคุมการเปิดรับนักท่องเที่ยวไม่ให้เข้ามาในประเทศ มาตรการช้อปดีมีคืนนี้ จะเป็นมาตรการสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและสนับสนุนผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีได้เป็นอย่างดี ช่วยเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็วและเร่งด่วน ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือ กระตุ้นให้เกิดการใช้สอยในประเทศด้วยการสนับสนุน SMEs ไทย กิน - ใช้ของไทย และเที่ยวเมืองไทย เพื่อเป็นการช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทยให้กลับมาพลิกฟื้นได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม การป้องกันตัวอย่างเคร่งครัดยังถือเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้ประเทศไทยไม่ต้องเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หากทุกคนมีการยกระดับการป้องกันแบบ Universal Prevention ขั้นสูงสุด และเพื่อเป็นการกระตุ้นยอดขายส่งท้ายปี บรรดาผู้ประกอบการห้างค้าปลีกต่างๆ เลยออกมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก
นายณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ยังคงเดินหน้าการเป็น Purposeful Destination หรือจุดหมายปลายทางที่มีความหมายที่สุดที่น่ามาเฉลิมฉลองช่วงสิ้นปี โดยการส่งเสริมและตอกย้ำการเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ด้วยความแข็งแกร่งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ ด้วยการจับเทรนด์ทั่วโลกในช่วงสิ้นปีนี้ คือ ‘Shop & Travel with Purpose’ หรือการช้อป-เที่ยว ช่วยชาติอย่างมีความหมาย ให้ทุกการจับจ่ายมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน พร้อมรณรงค์ให้ตระหนักถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตอบรับวิถีชีวิตใหม่ แบบ Next Normal ภายใต้งบการตลาดรวมกว่า 400 ล้านบาท
สำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ ซีพีเอ็น นำมากระตุ้นยอดขายส่งท้ายปีจะอยู่ภายใต้แคมเปญ CENTRALPATTANA VIP PROGRAM ด้วยการมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าด้วยกัน 3 โปรแกรม คือ 1. รับ Cash Voucher มูลค่า 10,000 บาท เมื่อใช้จ่ายครบ 300,000 บาท หรือรับ Cash Voucher มูลค่า 1,000 บาท เมื่อใช้จ่ายครบ 50,000 บาท เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ 2. รับสิทธิ์เป็นสมาชิก The 1 Exclusive เมื่อมียอดใช้จ่ายสะสมครบ 300,000 บาท ภายใน 31 ธ.ค. 64 เฉพาะสาขาที่ร่วมรายการ และ 3 Top Spender รับแพ็กเกจ Yacht Trip พร้อมห้องพักโรงแรม Hilton Pattaya 2 คืน มูลค่ารวมกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งหลังจากออกที่ออกมาจัดกิจกรรมดังกล่าวคาดว่าจะมีทราฟฟิกเพิ่มขึ้นกว่า 30%
ขณะที่ เดอะมอลล์ กรุ๊ป ตอกย้ำความเป็น Destination แห่งความสุขของทุกคนในครอบครัว ด้วยการใช้งบกว่า 300 ล้านบาท จัดแคมเปญปีใหม่กระตุ้นเศรษฐกิจส่งท้ายปี 2564 กับแคมเปญ “THE GREAT HAPPY NEW YEAR” ระหว่างวันที่ 29 พ.ย. 64 – 16 ม.ค. 65 ที่ ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าเดอะมอลล์, เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ และ MONLINE.COM
น.ส. วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้น หลังจากที่ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีน ทำให้เกิดความมั่นใจเรื่องความปลอดภัยด้านสาธารณสุข ซึ่งจากแนวโน้มที่ดีดังกล่าว ล่าสุด กว่า 300 ล้านบาท จัดแคมเปญใหญ่ “THE GREAT HAPPY NEW YEAR” อัดโปรแรง 7 โปร พร้อมจับมือบัตรเครดิต CITI และ SCB M VISA มอบสุดเอ็กซ์คลูซีฟโปรโมชั่นให้ลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขยอื่นๆ อีกมากมาย โดยหลังจากจบแคมเปญบริษัทมั่นใจว่าจะพิชิตยอดขาช่วงปีใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท
ด้านสยามพารากอน อัดแคมเปญกระตุ้นกำลังซื้อโค้งสุดท้ายของปี 2564 พร้อมฉลองครบรอบ 16 ปี ด้วยมหกรรมความสุขสุดยิ่งใหญ่ “SIAM PARAGON THE UNIVERSE OF HAPPINESS GRAND CELEBRATION 2021” ด้วยการมอบส่วนลดสูงสุด 90% จากร้านค้าแบรนด์ดัง, สินค้า One Price, Buy 1 Get1 และสิทธิประโยชน์จากบัตรเครดิตที่ร่วมรายการอีกมากมาย รวมมูลค่ากว่า 6.5 ล้านบาท
นางสรัลธร อัศเวศน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มงานบริหารสมาชิก บริษัท สยามพารากอน ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า จากการทำกิจกรรมส่งเสริมการขายดังกล่าว บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายให้ร้านค้าเพิ่มขึ้นจากปกติไม่ต่ำกว่า 10% ได้อย่างแน่นอน
ข่าวเด่น