ไร้ปัจจัยหนุนราคาทองมีโอกาสแกว่งออกข้าง
สัปดาห์สุดท้ายของปีคาดวอลุ่มเบาบาง
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำรีบาวด์จากจุดต่ำสุดบริเวณ 1,784 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนดีดตัวขึ้น เนื่องจากตลาดรับข่าวความกังวลทางด้านเงินเฟ้อไปแล้ว อีกทั้งธนาคารกลางสหรัฐเตรียมมาตราสกัดความร้อนแรงของเงินเฟ้อไว้เรียบร้อย อีกทั้งตลาดรับข่าวไปแล้ว และอีกปัจจัยเสี่ยงคือ การแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว
แต่ไบเดนยืนยันไม่กลับไปล็อคดาวน์แม้ว่าล่าสุดมีผู้ติดเชื้อสูงถึง 243,000 คนต่อวัน กว่า 60% เป็นผู้ติดเชื้อจากสายพันธุ์โอมิครอน ทำให้ทองคำปรับตัวขึ้นเหนือแนวรับล่าสุดบริเวณ 1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้
ส่วนสัปดาห์หน้ามีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญค่อนข้างน้อย เนื่องจากกำลังเข้าสู่ปีใหม่ นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายลง ทำให้วอลุ่มทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์กและทองคำอาจเบาบางได้ แต่ประเด็นสำคัญที่นักลงทุนต้องจับตาคือ ความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐ(bond yield) และดัชนีดอลลาร์ (dollar index) ที่ยังทรงตัวเหนือแนวรับ
ซึ่งต้นปีหน้าเฟดถอนสภาพคล่องลด QE กว่า 30,000 ล้านดอลลาร์ต่อเดือนอาจทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวออกข้างได้
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำอาจแกว่งออกข้างเนื่องจากยังไร้ปัจจัยหนุนและปัจจัยกดดันที่ชัดเจน กรอบการซื้อขายจะอยู่ระหว่าง 1,785-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (24 ธ.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวพักตัวในแดนลบเล็กน้อย หลังจากช่วงก่อนหน้าดัชนีได้ปรับตัวขึ้น รับข่าวเชิงบวก คลายความกังวลโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ถึงความเสี่ยงที่ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลนั้น มีน้อยกว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลต้า ส่วนมูลค่าการซื้อ-ขาย ลดลงเนื่องจากหลายประเทศหยุดทำการซื้อขาย เข้าสู่ช่วงหยุดยาวในวันคริสต์มาส ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,637.22 จุด -4.25 จุด -0.26% มูลค่าการซื้อขาย 56,211 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยคาดดัชนีสัปดาห์นี้มีปรับตัวในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยคาดว่าปริมาณการซื้อขายจะเบาบาง เนื่องจากเป็นสัปดาห์สุดท้ายของปี ตลาดยังมีแรงหนุนจากผลการวิจัยของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของไวรัสโอมิครอนมีน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตา คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,670 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้ได้แก่ หุ้น SPRC ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 9.50 บาท ดีดตัวทะลุเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น โดยมี Volume เข้าวันแรก และ Slow Sto. เพิ่งพลิกตัวส่งสัญญาณซื้อ คาดราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ทดสอบแนวต้านที่ 10.00-10.60 บาท มีแวรับอยู่ที่ 9.40 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 9.20 บาท
และหุ้น WORK มีราคาปิดอยู่ที่ 22.10 บาท กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ โดยมีปริมาณการซื้อขาย เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD ส่งสัญญาณซื้อหนุน หากทะลุต้านแรกที่ 23.00 บาท จะมีต้านถัดไปแถว 23.50 บา มีแนวรับอยู่ที่ 21.90 บาท และมีจุดcut loss อยู่ที่ 21.70 บาท
.jpeg)
ข่าวเด่น