ถ้าจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเงินบนโลกออนไลน์ คงไม่มีข่าวไหนมาสร้างกระแสล้มความแรงของ Bitcoin ได้ เพราะตลอดปี 2564 ที่ผ่านมา หลายธุรกิจในประเทศไทยต่างออกมาประกาศเกาะกระแสความแรงของเงินดิจิทัลกันเป็นแถว เลยทำให้วงการ Cryptocurrency มีความคึกคักเป็นอย่างมาก เห็นได้จาก Bitcoin ที่มีการปรับราคาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เนื่องจากวงการธุรกิจเริ่มยอมรับใน Bitcoin และ Cryptocurrency หลังจากสถาบันทางการเงิน และภาคธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เข้ามาร่วมวงในวงการเงินดิจิทัลมากขึ้น
จากภาพความคึกคักที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทำให้ภาพรวมของตลาด Cryptocurrency ตอนนี้มีการซื้อขายกันอย่างคึกคัก โดยเหรียญที่มีมูลค่าทางการเงินมากที่สุด คือ Bitcoin ปัจจุบันมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 54% ของมูลค่าตลาดรวมของสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมด ซึ่งเป็น Cryptocurrency ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้
หนึ่งในธุรกิจของไทยที่เห็นโอกาสดังกล่าว คือ ธุรกิจสื่อ อย่าง อาร์เอส และ แกรมมี่ หลังจากก่อนหน้านี้ฟาดฟันกันด้วยเสียงเพลง และต่อยอดธุรกิจด้วยสื่อประเภทต่างๆ ตามด้วยสื่อบริการ และสินค้าอุปโภคบริโภค ล่าสุดออกมาประกาศฟาดฟันกันด้วยธุรกิจเงินดิจิทัลไปเรียบร้อย
นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะเดินหน้าต่อไปภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce ซึ่งเน้นการดึงศักยภาพและความเชี่ยวชาญระหว่างธุรกิจสื่อ-บันเทิง และธุรกิจคอมเมิร์ซ มาสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกัน โดย Popcoin Platform จะเป็น สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม ที่มีเหรียญ Popcoin Token เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนและทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์ม ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจคอมเมิร์ซและธุรกิจสื่อ-บันเทิงของเราเชื่อมกันได้อย่างไร้รอยต่อ และนับเป็นโมเดลธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ปูฐานในการสร้างมูลค่าเพิ่มบนธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
เหตุผลที่ทำให้ อาร์เอส ตัดสินใจก้าวเข้าสู่วงการเงินดิจิทัล คือ การที่แนวโน้มตลาดการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา แต่ทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ที่สนใจถือสินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศมีอยู่ค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะสินทรัพย์ดิจิทัลในกลุ่มโทเคนดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือและมีธุรกิจรองรับ อาร์เอส กรุ๊ป จึงเล็งเห็นถึงโอกาสของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังไม่ได้รับการเติมเต็มและตอบสนองอยู่
แนวทางธุรกิจดังกล่าว นอกจากการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจของอาร์เอส แล้ว Popcoin ยังจะนำไปประยุกต์ใช้กับแคมเปญการตลาดให้กับแบรนด์และสินค้าต่างๆ ที่สามารถวัดผลได้จริง รวมถึงเป็นการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคผ่าน Popcoin Platform ด้วย และที่สำคัญเรายังเปิดรับ Content Creator มาเข้าร่วมใน Popcoin Ecosystem เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกัน ทั้งนี้ เหรียญ Popcoin ซึ่งเป็นเหรียญที่พัฒนาอยู่บน “Bitkub Chain” ได้เข้าหารือกับสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการลิสต์เหรียญบนกระดานเทรด ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล “Bitkub” ตลาดซื้อขายชั้นนำของประเทศไทยภายในต้นปี 2565
นายฐณณ ธนกรประภา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ โฟร์ท แอปเปิ้ล กล่าวว่า Popcoin ถูกพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง อาร์เอส กรุ๊ป,โฟร์ท แอปเปิ้ล และ ฟิวเจอร์ คอมเพเทเร่ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมพัฒนาธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลแบบครบวงจร และเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Blockchain มีประสบการณ์ด้านสินทรัพย์ดิจิทัลกว่า 5 ปี มาร่วมออกแบบ “Tokenomic” จึงทำให้ Popcoin Platform เป็นสมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม ที่จะเป็นเครื่องมือเติมเต็มความต้องการ สร้างโอกาสทางการตลาด และผลประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดใน Popcoin Ecosystem ซึ่งได้แก่ บริษัทหรือแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ต้องการทำแคมเปญการตลาด โดย Popcoin จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในด้านการวัดผลทางการตลาด และสามารถใช้สร้างแคมเปญ เพื่อเพิ่ม Engagement ทางตรงให้กับผู้บริโภคได้อย่างตรงเป้าหมายและเต็มประสิทธิภาพ
ด้าน บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ก็ออกมาประกาศเข้าสู่วงการโลกสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน ด้วยโรดแมปการเปิดตลาดค้าเพลงบน Non-Fungible Token (NFT) ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มศิลปินและนักสะสม ทั้งวงการศิลปะ ดนตรี เกม แฟชั่น ฯลฯ ที่ต่างตบเท้าเข้าร่วมวง NFT
นายภาวิต จิตรกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายธุรกิจ จีเอ็มเอ็ม มิวสิค บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งในธุรกิจแห่งโลกอนาคตที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีโอกาสเป็นแม่น้ำสายใหม่ของธุรกิจในระยะยาว การร่วมมือกัน ระหว่าง “GMM Grammy” และ “ZIPMEX” นอกจากจะมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนตลาด MUSIC NFT ให้ใหญ่และประสบความสำเร็จแล้ว ยังต้องการที่จะผลักดันมาตรฐาน Music NFT ของไทยให้ไปสู่กลุ่มแฟนคลับและ Collector ทั่วโลก ที่เป็นกลุ่มแฟนพันธุ์แท้และเป็นนักสะสมตัวจริงที่ชื่นชอบสะสมผลงานและสินค้าต่างๆ ของศิลปิน เพื่อให้แฟนเพลงสามารถเข้าถึง ครอบครอง ลงทุน ในคอลเลคชั่นพิเศษต่างๆ ของบริษัท
สำหรับกลยุทธ์ที่จะนำมาใช้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายของ ZIPMEX จะเน้นไปที่ Campaign Innovation หรือ การสร้างคอมมูนิตี้ Virtual Fan Meet และการเป็น Global Connector เพื่อยกระดับมาตรฐาน Digital Asset ของไทยให้ดึงดูดกลุ่มแฟนคลับทั่วโลก ซึ่งนับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เรามอบให้กับแฟนคลับของ “GMM Grammy” และ “ZIPMEX” ซึ่งทาง GMM Grammy ตั้งใจวางสินค้าที่จะอยู่ในแพลตฟอร์มของ “ZIPMEX” ออกเป็น 4 Tiers ที่จะเป็นกลุ่มสินค้าที่มี Innovation และมีความ Exclusive ดังนี้
1. Special Collection - สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนเพิ่งเริ่มต้นเข้ามาในโลกของ MUSIC NFT ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ จะเน้นความ Mass เข้าถึงง่าย ราคาไม่แพง
2. Rare Collection - กลุ่มนี้จะเป็นสินค้าที่มีจำกัดและเป็น Unseen Item โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ Limited Item และ Limited Movement
3. Epic Collection - กลุ่มสินค้าที่ไม่มีการผลิตซ้ำ เป็น Moment พิเศษ ที่เป็นตัวแทนของความทรงจำที่มีคุณค่าให้แฟนๆ ได้เข้าถึงและสามารถครอบครองได้
4. Legendary Collection - เป็นสินค้าและผลงานของศิลปินระดับตำนานของประเทศที่มีเรื่องราวความเป็นมา มีความหายาก บางชิ้นนับเป็นประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีที่มีเพียงชิ้นเดียวในโลก
ข่าวเด่น