กลยุทธ์การลงทุน:
SET ในช่วงนี้ขาดปัจจัยหนุน โดยนอกจากการแพร่ระบาดของ Omicron กดดันดัชนีแล้ว มีความกังวลเรื่องการปรับนโยบายการเงินของเฟดทั้งการขึ้นดอกเบี้ย และ QT โดยวันนี้ติดตามความคืบหน้าจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ทำให้ดัชนีมีโอกาสอ่อนตัวได้อยู่ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1648 และ 1638 จุด ตามลำดับ กลยุทธ์ Selective Buy หรือเก็งกำไรอย่างระมัดระวัง ส่วนพอร์ตหลักจุดซื้อเพิ่มรอคำแนะนำอีกครั้ง
ล็อคเป้าลงทุน:
-กลยุทธ์ลงทุน รอจังหวะเข้าซื้อหรือ Buy on dip หากตลาดหรือราคาหุ้นปรับลงแรง ในหุ้นคุณภาพดี ดังนี้
-Core Portfolio : คงน้ำหนักพอร์ตไว้ที่ 50% โดย 25% ในหุ้น blue-chip อย่าง KBANK GPSC INTUCH SPALI และอีก 25% ใน 10 หุ้น Top Picks Yearbook 2022 ซึ่งแบ่งเป็นกลุ่ม Business as Usual ที่คาดผลการดำเนินงานปีนี้ จะเติบโตเด่น ได้แก่ KBANK AMATA ZEN LH GULF และกลุ่ม New S-Curve ที่ได้ประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA ADVANC ONEE SECURE XPG
-Weekly Portfolio : เก็งกำไรน้ำหนักไม่เกิน 25% ในหุ้นได้ประโยชน์จากภาวะเงินเฟ้อ แนะนำ TU GFPT ซึ่งช่วงสั้นปัญหาอุปทานหมูที่ตึงตัวอย่างมากคาดทำให้ราคาหมูยังยืนอยู่ในระดับสูง ซึ่งจะส่งผลบวกต่อความต้องการสินค้าทดแทนกัน เช่น เนื้อไก่ และอาหารทะเล
-Daily Focus : แนะนำ SECURE ซึ่งได้ประโยชน์จากโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ทำให้ความปลอดภัยในเรื่องของข้อมูลบนโลก Internet มีความสำคัญมากขึ้น และ DELTA หลังราคาหุ้นลดความร้อนแรงลงไปมากแล้ว แต่ผลการดำเนินงานยังมีศักยภาพเติบโตดีจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในธุรกิจ New S-Curve
ประเด็นสำคัญ
# ตลาดหุ้นสหรัฐ-ยุโรป-ราคาน้ำมันปรับลดลง
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับลดลง หลัง Bond Yield 10 ปีพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี นลท. จับตาถ้อยแถลง ปธ. Fed ในวันนี้ รวมทั้งการรายงานเงินเฟ้อ ธ.ค. ในวันพรุ่งนี้ ตามด้วยดัชนีราคาผู้ผลิตในวัน พฤ. ด้านตลาดหุ้นยุโรปร่วงลง ราคาน้ำมันปรับลงจากความกังวลอุปสงค์ลดลง และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากลิเบีย
# Bond Yield พุ่ง หลัง Fed มีแนวโน้มขึ้นดบ.เร็วกว่าคาด
โดย FedWatch Tool ของ CME Group ระบุว่ามีโอกาสที่ Fed จะขึ้น ดบ. 0.25% ในเดือน มี.ค. ทันทีหลังจากยุติมาตรการ QE ขณะที่ Goldman Sachs คาดว่า Fed จะขึ้น ดบ. 4 ครั้งในปีนี้ และจะเริ่มทำ QT ในเดือน ก.ค. หนุนให้ Bond Yield ขยับขึ้นต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นธนาคาร และหุ้นประกันฯ
# คมนาคมตั้งงบลงทุนปี 66 ที่ 3.2 แสนลบ. เน้นเมกะโปรเจกต์
โดยจะเน้นพัฒนาระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่อง ทั้งมอเตอร์เวย์ ถนน ทางด่วน ทางคู่ รวม 85 โครงการ ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่จะช่วยเพิ่ม backlog ขึ้น ทางด้านของ ธปท. คาด ศก.ไทยปี 64 โต 0.9%YoY ก่อนที่ปีนี้จะโต 3.4%YoY ส่วนปีหน้าโต 4.7%YoY โดยคาด Omicron จะควบคุมได้ภายใน 1Q65 ดังนั้นผลกระทบต่อ ศก. ไทยจะอยู่ในช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น
Wealth Strategy
แนะนำหุ้นยุโรปสไตล์หุ้นคุณภาพอย่าง Novo, Nordisk, Roche, Nestle, Unilever เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนจากดอกเบี้ยขาขึ้น การทำ QT และการระบาดของ Omicron
บทวิเคราะห์วันนี้
ZEN – ปรับราคาขึ้นเพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น
ข่าวเด่น