ปัจจัยบวกหนุนทองแกว่งตัวในกรอบ 1,800-1,850 ดอลล์ หุ้นมีโอกาสปรับลงตามตลาดต่างประเทศ
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นแรง เนื่องจากความความตึงเครียดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย สาเหตุจากรัสเซียมีความพยายามบุกยูเครน จากความตึงเครียดดังกล่าว ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่างสหรัฐอยู่นิ่งไม่ได้
โดยล่าสุดไบเดนชี้หากรัสเซียบุกยูเครนไบเดนจะสั่งเคลื่อนพลเข้ายูเครนทันที ความปั่นป่วนในคาบสมุทรไครเมีย จึงส่งผลให้ทองคำเองเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในภาวะความไม่แน่นอนจึงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น
ส่งผลราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สิ่งที่ต้องโฟกัสสำคัญคือ bond yield ปรับตัวขึ้นปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 2 ปี ที่ระดับ 1.90% สอดคล้องกับ dollar index ที่รีบาวด์แข็งแกร่งพยายามขึ้นทดสอบบริเวณ 96.00
ส่วนสัปดาห์หน้าแนะนำจับตาการประชุม FOMC ช่วงดึกของวันที่ 26 มกราคม ซึ่งตลาดให้ความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเงินเฟ้อเดือนธันวาคมพุ่งสูงแตะระดับ 7% หากเฟดพยายามเร่งใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดให้เร็วมากขึ้น กล่าวคือ อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ถึง 4 ครั้ง ซึ่งช่วงปลายปีที่ผ่านมาแถลงไว้เพียง 3 ครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันตลาดในระยะถัดไป อีกทั้งมีประกาศตัวเลขสำคัญคือ ดัชนีราคาผู้บริโภคส่วนบุคคล Core PCE และ ดัชนีฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิตที่ยังต้องจับตาเพิ่มเติม
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำในสัปดาห์นี้ อาจแกว่งตัวในกรอบ 1,800-1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากได้ผลบวกจากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนยังคงอยู่ และปัจจัยลบจากเฟดอาจใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (21 ม.ค.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยลบต่ำสุดราว 15 จุด เป็นการปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนีลดช่วงลบลง ในช่วงบ่าย นักลงทุนติดตามการประชุม FED ในสัปดาห์หน้า มีแรงขายมากในหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ส่วนกลุ่มธนาคาร มีการ Sell on Fact หลังจากที่ประกาศงบการเงิน ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,652.73 จุด -4.23 จุด -0.26% มูลค่าการซื้อขาย 81,333 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังตลาดหุ้นสหรัฐถูกเทขายต่อเนื่อง จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีแรงหนุนจาก ศบค.ลดพื้นที่ควบคุม-คลายมาตรการเพิ่ม-ฟื้น Test&Go-ขยาย Sandbox คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,670 จุด
ส่วนหุ้น 2 ตัวที่น่าจับตามองใได้อก่ AMATA ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 21.60 บาท ดีดตัวทำแท่งเขียวยาว พร้อม Volume เข้าสองวันติด และ MACD ส่งสัญญาณบวกหนุน คาดราคามีโอกาสเหวี่ยงตัวทดสอบแนวต้านที่ 22.20-23.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 21.20 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 21.00 บาท
และหุ้น BAM ราคสปิดล่าสุดอยู่ที่ 20.20 บาท Rebound ขึ้นวันแรก โดยมีปริมาณการซื้อขายสะสมต่อเนื่อง และ Slow Sto. เพิ่งส่งสัญาณซื้อ หากผ่านต้านแรกที่ 22.50 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 22.90 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 20.00 บาท และมีจุด cut loss ที่ 19.80 บาท
ข่าวเด่น