ตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมา ดร.จิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) ได้แนะนำเรื่องการมองตลาดแบบ Thematic Investor (TI) อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าคงได้รู้จักธีมการลงทุนใหม่ ๆ และวิธีเปรียบเทียบการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างกันไปและลองปรับใช้กับพอร์ตลงทุนของตัวเองมาบ้างแล้ว
ท้ายที่สุดเป้าหมายของนักลงทุนส่วนมากคงหนีไม่พ้น “กำไร”
ในเดือนนี้ ดร.จิติพล จึงเลือกวิเคราะห์ธีม Industry Revolution หรือ “ธีมปฏิวัติอุตสาหกรรม” เพราะเป็นกลุ่ม Thematic Investing ที่ทำผลงานได้โดดเด่นที่สุดในปี 2021 และมีโอกาสได้รับแรงหนุนด้านการทำกำไรจากวัฏจักรเศรษฐกิจต่อเนื่องในปี 2022
เมื่อพูดถึงธีม Industry Revolution ในมุมมองของ TI จะหมายถึงอุตสาหกรรมสมัยใหม่ที่มี Artificial Intelligence, Robotics, Automation และ Energy Storage รวมอยู่ด้วยกัน
การจัดกลุ่มของธีมจะเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงที่ก้าวกระโดดของอุตสาหกรรม กระบวนการผลิตที่ดีกว่าแบบดั้งเดิมทุกองศา วัตถุดิบที่มีโอกาสลดต้นทุนได้มหาศาล และโครงสร้างธุรกิจที่คาดว่าจะสร้างกำไรได้แบบ Mass Production ในอนาคต
ในปี 2021 การลงทุนในธีม Industry Revolution ปรับตัวขึ้นได้ดีมากจากหลายเหตุผล
ในเชิงโครงสร้าง เริ่มได้รับแรงหนุนจากจำนวนประชากรวัยทำงานที่ลดลงทั่วโลก และการเปิดรับเทคโนโลยีหลังวิกฤติโควิด-19
ส่วนในเชิงวัฏจักร ก็มีแรงหนุนจากความจำเป็นที่จะต้องจัดระเบียบ Supply chain ใหม่ ราคาสินค้าตั้งต้นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้นแทบทั้งหมด ทำให้โลกการเงินตื่นตัวกับการนำหุ่นยนต์และ AI มาใช้ในภาคอุตสาหกรรม ส่วนในฝั่งเทคโนโลยีก็ถือว่ามีความพร้อมสูง เนื่องจากมีการพัฒนาที่ต่อเนื่องมากว่า 10 ปี เรียกได้ว่าเป็น META (Most Effective Theme Available) ในปัจจุบัน
สิ่งสำคัญของธีม Industry Revolution ไม่ได้อยู่ที่การสร้างกำไร แต่อยู่ที่การบริหารความคาดหวังของสังคมและภาครัฐ
การปฏิวัติอุตสาหกรรมกำลังเกิดขึ้นเพราะเทคโนโลยีสามารถทำกำไรได้ชัดเจน แต่ในทางตรงข้าม เมื่อมีกำไรแรงสนับสนุนของภาครัฐก็จะลดลง และเมื่อทำรายได้ไปจนถึงจุดหนึ่ง ก็ต้องเปลี่ยนไปเป็นภาษี
ส่วนด้านสังคมก็ต้องบริหารความคาดหวังของผู้ใช้งาน เพราะถ้าเข้ามามีบทบาทมากไป ก็อาจสร้างความกลัวหรือความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว กลัวว่าหุ่นยนต์จะแย่งงาน หรือควบคุมมนุษย์ รวมถึงสร้างความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของภาคธุรกิจ นอกจากนี้ยังอาจทำให้การเปิดใจรับเทคโนโลยีและโอกาสทางธุรกิจลดลง
ส่วนมุมมองด้านพื้นฐาน ธีม Industry Revolution มักประกอบด้วยบริษัทที่มียอดขายสูงและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง
ผมใช้ข้อมูลจาก Bloomberg กรอง Thematic ETF ปัจจุบันมี 194 กองทุน และจัด 15 ETFs เข้ามาในธีมปฏิวัติอุตสาหกรรมตามเป้าหมายการลงทุน (ข้อมูล ณ วันที่ 28 พ.ย. 64)
พบว่าโดยเฉลี่ยธีมนี้มี P/E 80x ถือว่าค่อนข้างแพง แต่ก็มี P/Sales 3x และ P/Cash Flow เพียง 28x เรียกว่าเป็นธุรกิจสายป่านยาวที่ขายได้จริงกว่าธีม Hyper-Growth อื่น ๆ
ส่วนสไตล์การลงทุนจะเป็น Cyclical Growth and Value สังเกตได้จากความสัมพันธ์ (Correlation) กับราคาน้ำมันดิบที่ 0.3 ใกล้เคียงกับธีม Sustainable Energy นอกจากนี้ยังมี Correlation กับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (Bond Yield) 10 ปี และ 30 ปี ราว 0.25 มากกว่า Thematic Investing อื่น ๆ พอสมควร
หมายความว่า อนาคตของธีมจะเปลี่ยนแปลงไปตามภาพเศรษฐกิจมากกว่าธีมอื่น ถ้าเศรษฐกิจเข้าสู่ช่วงเติบโต ธีม Industry Revolution ก็จะได้รับแรงหนุนจากตลาดต่อเนื่องไปพร้อมกันด้วย
สำหรับใครที่สนใจลงทุนในธีมนี้ ต้องไม่พลาดที่จะรู้จัก 3 กองทุนรวม ETF ที่โดดเด่นในปัจจุบันได้แก่ ARKQ, BOTZ, และ THNQ
ARK Autonomous Technology & Robotics ETF ตัวย่อ ARKQ
• บริหารโดย ARK Investment บลจ.สัญชาติอเมริกัน มีความโดดเด่นในการเลือกลงทุนบริษัทที่สร้างนวัตกรรมใหม่ทั่วโลก
• ปัจจุบัน ARKQ เป็น Active ETF ที่ใหญ่ที่สุดในธีมนี้ โดยเลือกลงทุนใน 30 – 50 บริษัทที่ได้รับประโยชน์หรือเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Autonomous Transportation, Robotics and Automation 3D printing Energy Storage และ Space Exploration
• การลงทุนกระจายตัวใน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม เทคโนโลยี สินค้าฟุ่มเฟือย และสื่อสาร โดยที่การลงทุนกว่า 80% จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา ส่วนที่เหลือจะอยู่ในเอเชีย เช่น จีนและญี่ปุ่น เป็นหลัก
• ARKQ มีความผันผวนสูงกว่า 20% ต่อปี และมี Correlation กับดัชนี NASDAQ ราว 0.8 และมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันกับดัชนี MSCI ACWI Consumer Discretionary และ Technology
• เนื่องจากกองทุนนี้เป็น Active ETF จึงมีการปรับพอร์ตลงทุนอยู่ตลอดเวลา ขณะเดียวกันมีการลงทุนที่กระจุกตัวมากกว่ากองทุนอื่น จึงต้องระวังผลกระทบจากหุ้นรายตัวมากขึ้น
Global X Robotics & Artificial Intelligence ETF ตัวย่อ BOTZ
• บริหารโดย Global X บลจ.สัญชาติอเมริกันในกลุ่มการเงิน Mirae Asset Financial Group มีความโดดเด่นด้านการบริหาร Thematic Growth ETF
• BOTZ เป็น Passive ETF ที่ลงทุนตามดัชนี Indxx Global Robotics & Artificial Intelligence Thematic Index ประกอบด้วย 30 – 100 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่ทำธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับ Robotics & AI
• การลงทุนกระจายตัวใน 3 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ สินค้าอุตสาหกรรม เทคโนโลยี และบริการด้านสุขภาพ ปัจจุบันลงทุนในทวีปอเมริกา 50% เอเชีย 35% และยุโรป 15%
• BOTZ มีความผันผวนสูงกว่า 20% ต่อปี เหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้และเชื่อว่าวัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่จะทำให้การใช้หุ่นยนต์และ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ROBO Global Artificial Intelligence Index ETF ตัวย่อ THNQ
• บริหารโดย ROBO Global บลจ.สัญชาติอเมริกัน เน้นลงทุนด้าน Robotics, Artificial Intelligence และ Healthcare Technology ปัจจุบันมี ETF ที่เกี่ยวข้อง 3 กองทุน คือ Robotics and Automation, AI, และ Healthcare Technology and Innovation
• THNQ ลงทุนตามดัชนี ROBO Global Artificial Intelligence Index ประกอบด้วย 30 – 100 บริษัทชั้นนำทั่วโลกที่ทำธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับ Robotics & AI
• ลงทุนกว่า 70% ในกลุ่มเทคโนโลยีที่อยู่ในทวีปอเมริกา 70% เอเชีย 11% และยุโรป 8%
• THNQ มีความผันผวน 15 – 25% ต่อปี และเป็น ETF ที่มีความสัมพันธ์กับดัชนีเทคโนโลยีมากที่สุด เหมาะกับนักลงทุนที่มองว่าบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้จะสามารถใช้ AI ช่วยในการสร้างตลาดใหม่ หรือตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้รวดเร็วและถูกต้องมากขึ้นเรื่อย ๆ
โดยสรุป ดร.จิติพล มองว่าธีม Industrial Revolution มีองค์ประกอบหลายอย่างที่น่าสนใจ ทั้งธุรกิจทันสมัยทำกำไรได้ และมี AI ช่วยเพิ่มความฉลาดเฉลียว แต่ความเสี่ยงก็แน่นอนว่าในอนาคตต้องมีกฎระเบียบที่มากขึ้น และความคาดหวังของสังคมเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอยู่ตลอดเวลา
ธีมนี้จึงเหมาะกับนักลงทุนที่เชื่อมั่นว่าวัฏจักรเศรษฐกิจรอบใหม่กำลังจะเกิดขึ้นจากการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้า และความร่วมมือระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์
ข่าวเด่น