คริปโตเคอเรนซี่
Scoop : Metaverse The Series EP.1: จาก Play to Earn เล่นเกมแล้วได้เงิน สู่การสะสมความมั่งคั่งใน Metaverse


ในช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เกมที่ชื่อว่า “Axie Infinity” ได้ถูกจับตามองในบรรดาคนทั้งในและนอกวงการลงทุน Digital Asset เป็นอย่างมาก เพราะเป็นเกมที่เล่นแล้วได้เงิน หรือที่เรียกกันว่า “Play to Earn” เป็นการสร้างเกมโดยรันอยู่ภายใต้ระบบ Blockchain เพื่อจัดการข้อมูลและสร้างรายได้ให้กับผู้เล่น โดยเราจะต้องใช้สัตว์เลี้ยงที่ชื่อว่า Axies ที่เราต้องซื้อในรูปแบบของ “NFT” มาใช้ต่อสู้กับตัว Axies ของคนอื่นในเกม และทำQuestต่างๆ เมื่อทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลเป็นเหรียญ “Fungible Token” หรือสกุลเงินดิจิทัลของเครือข่ายเกมนั้นๆ ซึ่งเหรียญนี้มีมูลค่า เราสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญคริปโตและสกุลเงินปกติได้ มาถึงวันนี้ก็ได้มีเกมในรูปแบบ Play to Earn ทยอยคลอดตามกันออกมามากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเห็นการนำร่องด้วยการเปิดโปรเจค NFT ของเกมนั้นๆก่อน ให้คนได้มีเวลาซื้อตัวละครหรือ Item เพื่อเอาไปเล่นในเกม และที่สำคัญคือให้ผู้สร้างหรือทีมDevelopers ของโปรเจคนั้นๆได้มีเวลาพัฒนาระบบของเกมก่อนเปิดตัวตาม Roadmap หรือแผนงานที่ได้ให้ไว้กับผู้ที่ลงทุนซื้อ NFT ของโปรเจคนั้น

โปรเจคNFT “Ape Kids Club” กำลังเปิดตัวเกม Play to Earn โดยเราต้องซื้อNFT ตัวละครสัตว์เลี้ยงรอไว้ก่อน

ซึ่งตรงส่วนนี้เอง สิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นสาย คือเราได้เห็นการสร้างรายได้ด้วยวิธีเก็งกำไร NFT หรือการซื้อไปขายมาใน Marketplace ต่างๆ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ Opensea (https://opensea.io/) ยิ่งโปรเจคที่ทำตาม Roadmap ที่วางไว้จริง มีBackup ที่ดี และที่สำคัญคือมีCommunity ที่ดี สิ่งเหล่านี้จะเป็นการเพิ่มมูลค่า ที่ทำให้เพดานราคาของNFT นั้นสูงยิ่งขึ้น และในตอนนี้สิ่งที่ไปได้ไกลกว่า Play to Earn ก็คือ “Metaverse” โลกเสมือนจริง ที่เป็นการเชื่อมโลกระหว่างโลกแห่งความเป็นจริงทางกายภาพ และโลกดิจิทัลผสมรวมเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน(สามารถศึกษาเรื่อง Metaverse เพิ่มเติมได้ใน “Metaverse โลกเสมือนจริงคืออะไร? ลงทุนได้ด้วยหรอ?”) ซึ่ง ณ ตอนนี้โปรเจค NFT ส่วนใหญ่ก็ต่างหันหัวเรือ หรือวางRoadmap ของโปรเจคว่าในอนาคตจะมีการเข้าสู่โลก Metaverse โดยแรงกระเพื่อมสำคัญที่เร่งให้ถนนทุกสายต่างมุ่งเข้าสู่โลกใบใหม่ดังกล่าว เป็นผลมาจากFacebook บริษัทที่ให้บริการ Social Media ยักษ์ใหญ่ เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เพื่อประกาศว่าบริษัทจะมุ่งสู่ธุรกิจใหม่ซึ่งก็คือธุรกิจโลกเสมือนจริง  
 
 
โปรเจคNFT “Ape Kids Club” วางRoadmap ที่Q4 ปีนี้จะให้คนที่ถือNFT ลิงAKFC กดรับVersion 3D เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่Metaverse

จะเห็นได้ว่าจากยุคปัจจุบันของ NFT ที่สามารถแปลงเป็นMaterials อย่างตัวละครหรือ Item นำไปใช้ในเกมด้วยรูปแบบ Play to Earn ที่เราสามารถสร้างรายได้ทั้งจากการขายต่อเพื่อเก็งกำไร หรือนำไปเล่นเพื่อรับเหรียญในเกม ภายในอนาคตต่อไปนั้น เราจะได้เห็นการพัฒนาต่อยอดให้ NFT ได้กลายเป็นทรัพย์สินที่มีค่าในโลกของ Metaverse จากที่นำNFT มาใช้ได้เพียงแค่ภายใต้Ecosystem ของโปรเจคแม่ที่สร้างขึ้น  สู่การที่นำ NFT นั้นออกมาโลดแล่นในโลกเสมือนใบใหม่  ที่เราอาจได้สวมบทบาทเป็นAvatar ของเราตาม NFT ที่เราเป็นเจ้าของอยู่ ได้เห็นAvatar ของผู้ใช้งานคนอื่นๆจากหลากหลายโปรเจคมากมาย อีกทั้งNFT ยังสามารถอยู่ในรูปแบบสิ่งของอื่นๆที่เป็นการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆได้อีกหลากหลายภายในโลก Metaverse เช่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือในภาษาเกมที่เรียกกันว่า “Skin” ที่เราสามารถนำไปสวมใส่ให้กับAvatar ของเราได้ ซึ่งจะเห็นได้จากสัญญาณของแบรนด์เสื้อผ้าแฟชั่นเจ้าต่างๆที่ได้ก้าวเข้ามาออกโปรเจค หรือร่วมโปรเจคNFT กับPartner ในตลาดเช่น Nike แบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดังสัญชาติอเมริกา ได้ประกาศซื้อกิจการ  RTFKT ที่ออกแบบของสะสมอย่างรองเท้าผ้าใบเสมือนจริงในรูปแบบ NFT โดยคาดว่าจะนำไปต่อยอดและขยายเส้นทางเข้าสู่โลก Metaverse อย่างจริงจัง โดยล่าสุดเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาทางNike เองก็ได้ตอกย้ำจุดยืนด้วยการประกาศรับสมัครบุคลากรในด้านMetaverse   
 
 
Nike เปิดรับสมัครบุคลากรด้าน Metaverse

หรือจะเป็น Adidas อีกแบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดังสัญชาติเยอรมัน ที่ได้ประกาศตัวเองว่าจะเข้าสู่โลกของ Metaverse ด้วยการเข้าซื้อที่ดินในโปรเจคที่ชื่อ “The Sandbox” และในช่วงกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมาก็ ได้ร่วมจับมือกับ NFT โปรเจคชื่อ Bored Ape Yacht Club, Punks Comics และนักสะสมNFT ชื่อดัง GMoney ออกมาเป็น NFT Collection แรกที่ชื่อว่า “Into the Metaverse” จำนวน30,000 ชิ้น ประกอบไปด้วย ชุดวอร์มสีเขียวสะท้อนแสง, เสื้อฮู้ดสีดำ และหมวกบีนนีสีส้ม โดยผู้ที่เป็นเจ้าของทั้งหมดจะได้รับสินค้าที่สามารถเอามาใส่ได้ในชีวิตจริงภายในปี 2022นี้ และในรูปแบบNFT ที่สามารถสวมใส่ได้ในโลกของ Metaverse ในอนาคต
 
 
Punks Comics ที่มีเนื้อหาการรวมตัวกับ Adidas และ GMoney

ทั้งนี้เหตุผลที่ NFT นั้นสามารถต่อยอดไปเป็นทรัพย์สินในโลกของ Metaverse ได้นั้น เป็นเพราะระบบ Blockchain ที่ได้บันทึกและจัดเก็บข้อมูลทรัพย์สินของเราอยู่ โดยแสดงผลอยู่ในบัญชีกระเป๋าดิจิทัลของเรา (ตรงนี้หากผู้อ่านยังรู้สึกงุนงงสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ใน “NFT คืออะไรกันแน่? งานศิลปะไฟล์ JPEG มีมูลค่าด้วยเหรอ?” ) แต่ส่วนใหญ่แล้วหากเราถือNFT ที่เป็นรูปภาพแบบ 2D อยู่ ทางโปรเจคจะมีแผนที่เปิดให้เรากดClaim หรืออัพเดตภาพNFT เป็นในรูปแบบ 3มิติ เพื่อรองรับเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) และ VR  (Virtual Reality) ที่จำเป็นต้องใช้ใน Metaverse หรือโลกเสมือนจริง เพราะแน่นอนว่าภาพต่างๆที่ปรากฏขึ้นมาต้องอยู่ในรูปแบบของ3มิติ ที่จะสามารถเห็นมุมมองของสิ่งต่างๆได้ครบถ้วน เหมือนกับโลกจริงๆของเรา 
 
แนวทางที่แน่ชัดของการพัฒนาเทคโนโลยีที่จะทำให้เกิดโลกใบใหม่อย่าง Metaverse ในอนาคตอันใกล้นี้  นอกจากโอกาสที่การถือครอง NFT จะเป็นหนทางสู่การสะสมความมั่งคั่งแล้ว  แน่นอนว่าเมื่อเกิดระบบนิเวศน์หรือ Ecosystem ที่ผู้คนได้ย้ายโลกมาใช้ชีวิตในนี้ (เหมือนที่เราเคยย้ายจากโลกออฟไลน์เข้าสู่โลกออนไลน์ที่เป็นยุคของอินเตอร์เน็ตและสื่อโซเชียลมีเดียกันมาแล้ว) จะทำให้เกิดอาชีพต่อยอดและหนทางการสร้างรายได้อีกมากมาย โดยใน Ep.2 ทาง AC News จะมาแนะนำอาชีพที่มีศักยภาพในอนาคตที่มีโอกาสได้ไปต่อในโลก Metaverse กับ “Metaverse The Series EP.2: ส่อง 4 อาชีพที่อนาคตไกลในMetaverse ไปต่อได้แม้ไม่ใช่สายIT”

LastUpdate 29/01/2565 16:08:17 โดย : Admin
05-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 5, 2024, 9:27 am