หุ้นทอง
ส่องหุ้น มองทอง : 2 ปัจจัยหนุนราคาทองปรับตัวขึ้น เงินเฟ้อ-ขึ้นดอกเบี้ยส่งผลดัชนีแกว่งตัวผันผวน


สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากการประชุม FOMC ชี้จะลด QE จนถึงมีนาคมอีกทั้งมีแนวโน้มสูงที่จะเริ่มปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC ครั้งถัดไปในเดือนมีนาคม และอาจส่งสัญญาณอย่างน้อยถึง 3 ครั้งในปีนี้

สำหรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าว แม้ผลการประชุมจะออกมาตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10  ปีของสหรัฐยังทรงตัวระดับสูงต่อไปบริเวณ 1.80% เช่นเดียวกับดัชนีดอลลาร์ที่ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่บริเวณ 97.28  และอีกปัจจัยที่กดดันราคาทองคำคือ GDP ของสหรัฐในไตรมาส 4/64 โต 6.9% ฟื้นตัวแข็งแกร่งต่อเนื่องท่ามกลางการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่มีผู้ติดเชื้อรายเฉลี่ยราว 500,000 คนต่อวัน ส่วนตัวแปรสำคัญอย่าง SPDR ในเดือนมกราคมนี้เข้าซื้อทองคำไปแล้ว 38.6 ตัน บ่งบอกได้ว่าปัจจุบันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับราคาทองคำ
 

ขณะที่สัปดาห์หน้าจับตาตัวภาคแรงงานอย่าง การจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน ซึ่ง 2 ปัจจัยดังกล่าวเริ่มมีผลกระทบน้อยลง เนื่องจากตลาดให้ความสำคัญกับเงินเฟ้อค่อนข้างมาก อีกทั้งยังต้องติดตาม bond yield และ dollar index อย่างใกล้ชิด หากตลาดเริ่มซึมซับแถลงการณ์ประชุม FOMCไปบ้างแล้ว อาจทำให้ bond yield เริ่มย่อตัว ตลาดผ่อนคลายความกังวลในระยะสั้นอาจทำให้ราคาทองคำรีบาวด์เหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อีกครั้ง โดยมีปัจจัยที่หนุนราคาทองคำคือ ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น เพราะรัสเซียซ่อมรบกับเบราลุสและนำกำลังทหารกว่า 100,000 นาย ประชิดชายแดนยูเครน ซึ่งไม่ห่างจากเมืองหลวงยูเครน

ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าทั้ง 2 ปัจจัยข้างต้นอาจหนุนราคาทองคำในสัปดาห์หน้าปรับตัวขึ้นในกรอบ 1,775-1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนี (28 ม.ค.) เคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยลบต่ำสุดราว 9 จุด เป็นการปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นสหรัฐ จากประเด็นความกังวลจนท.เฟดประสานเสียงหนุนขึ้นดอกเบี้ยเดือนมี.ค. ประกอบกับดัชนีอยู่ในระดับสูง เข้าใกล้บริเวณ 1,680 จุด ทำให้ดัชนีมีการพักตัว ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,672.63 จุด -7.39 จุด -0.44% มูลค่าการซื้อขาย 90,862 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway ออกข้าง โดยยังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ขณะที่ยังต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศที่ยังทรงตัวในระดับสูง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,650-1,700 จุด
 
ส่วนหลักทรัพย์ที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ NCAP ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 12.10 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมี Volume เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish คาดราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบต้านที่ 13.00-14.20 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 11.80 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 11.70 บาท

และหุ้น IRCP ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 2.28 บาท กลับมายืนเหนือเส้น EMA ทุกระดับ  พร้อม Volume เริ่มกระตุก และ Slow Sto.+MACD ส่งสัญญาณซื้อ หากผ่าน High ที่ 2.56บาท จะมีต้านถัดไปที่ 2.80 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 2.20 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 2.16 บาท

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 31 ม.ค. 2565 เวลา : 10:12:30
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 9:55 am