นางพรรณี พุ่มพันธ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบกมุ่งพัฒนาการให้บริการรับชำระภาษีรถประจำปีหลากหลายช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชนในการดำเนินการชำระภาษีรถประจำปี สำหรับรถเก๋ง รถกระบะ รถตู้ ที่มีอายุการใช้งานเกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานเกิน 5 ปี ปัจจุบันสามารถใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านช่องทางออนไลน์ของกรมการขนส่งทางบกได้ที่เว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th หรือแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax เพียงนำรถเข้าตรวจสภาพรถกับสถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการชำระภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ ส่งผลให้สถิติการใช้บริการชำระภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานคร ไตรสมาสที่ 1 (ตุลาคม – ธันวาคม 2564) ปีงบประมาณ 2565

โดยเฉพาะผ่านระบบอินเทอร์เน็ตมีจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่องทางให้บริการชำระภาษีรถประจำปีที่สะดวกสบาย ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง อยู่ที่ไหนก็สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงการแพร่กระจายโรค COVID-19 โดยบริการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th มีผู้ใช้บริการจำนวน 150,062 คัน รองลงมาคือการใช้บริการผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส มีผู้ใช้บริการจำนวน 35,389 คัน ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax มีจำนวนผู้ใช้บริการ 18,036 คัน ผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) จำนวน 6,850 คัน และผ่านแอปพลิเคชัน mPAY และ Truemoney Wallet จำนวน 2,695 คัน นอกจากนี้ ในส่วนของบริการรับชำระภาษี ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มีผู้ใช้บริการจำนวน 1,081,610 คัน บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 220,025 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 2,164 คัน และผ่านธนาคารพาณิชย์ที่ร่วมโครงการ จำนวน 1 คัน รวมมีผู้ใช้บริการชำระภาษีรถประจำปี ไตรสมาสที่ 1 ปีงบประมาณ 2565 ทั้งสิ้น 1,516,832 คัน รวมจัดเก็บภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานครทั้งสิ้น 2,122,271,233.89 บาท