จับตาเงินเฟ้อกระทบราคาทองอยู่ในกรอบ 1,750-1,850 ดอลล์ เฟดขึ้นดอกเบี้ยเกินคาดหุ้นมีโอกาสแกว่งตัวผันผวน
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำรีบราวด์กลับจากจุดต่ำสุดบริเวณ 1,785 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สาเหตุมาจากวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ตลาดรับรู้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ว่าจะยุติการทำ QE ในเดือนมีนาคมพร้อมกันนี้ยังปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนเดียว ขณะที่ตลาดมองว่าอย่างน้อยในปีนี้เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง
เมื่อเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ตลาดมีความกังวลเรื่องดังกล่าวดังกล่าวลดลง สอดคล้องกับล่าสุด BOE ได้มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็นทำให้ปัจจุบัน BOE มีดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.5%
ทั้ง 2 ปัจจัยดังกล่าวหนุนให้ดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำจึงปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่สัปดาห์นี้ SPDR เข้าซื้อเพิ่มอีก 0.58 ตัน
ส่วนสัปดาห์หน้าเป็นการคอนเฟิร์มแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยว่าจะรุนแรงกว่าคาดการณ์หรือไม่ เนื่องจากสัปดาห์หน้ามีประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค CPI และดัชนีเงินเฟ้อเดือนมกราคมของสหรัฐ ซึ่งดูจากแนวโน้มราคาน้ำมันดิบที่ล่าสุดขึ้นแตะระดับ 90 ดอลลาร์ จึงคาดการณ์การได้ว่าต้นทุนของผู้ผลิตยังทรงตัวระดับสูงต่อไป
อีกทั้งเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับขึ้น หากเงินเฟ้อมีเร่งตัวสูงกว่าครั้งก่อนที่ระดับ 7% เป็นไปได้ว่า bond yield อาจกลับขึ้นมากเร่งตัวเหนือ 1.90% และสะท้อนให้เห็นถึงการประชุม FOMC ที่จะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยทีเดียวถึง 0.5%
ซึ่งหากเป็นกรณีดังกล่าว อาจทำให้ราคาทองคำมีความผันผวนสูงในสัปดาห์นี้ได้ ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็กประเมินว่าในสัปดาห์นี้หากราคาทองคำรับข่าวเงินเฟ้ออาจแกว่งตัวผันผวนในกรอบ 1,750-1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (4 ก.พ.) ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกตลอดช่วงการซื้อ-ขาย โดยไซด์เวย์ในกรอบ +3 ถึง +6 จุด ปรับตัวในแดนบวกเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชีย ตลาดหุ้นปรับตัวบวก มาจากหุ้นหลักๆ จากกลุ่มพลังงานและอิเล็กทรอนิกส์ อย่าง PTT และ DELTA ซึ่งส่งผลต่อดัชนีราว +2.4, +2.3 จุด ตามลำดับ นักลงทุนติดตามตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในคืนนี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,674.22 จุด +5.17 จุด +0.31% มูลค่าการซื้อขาย 72,346 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โดลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน โดยมีแรงกดดันจากความกังวลว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ตลาดคาด ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศ เร่งตัวขึ้นเฉียด 1 หมื่นราย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,640-1,690 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น PTL ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 26.00 บาท ดีดตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ โดยมี Volume เข้าสี่วันติด และ Slow Sto. ส่งสัญญาณซื้อต่อเนื่อง คาดราคามีโอกาสปรับตัวขึ้น ทดสอบต้านที่ 28.50-30.50 บาท มีแนวรีบอยู่ที่ 24.80 บาท และมีจุด cut loss ที่ 24.50 บาท
และหุ้น DEMCO ราคาล่าสุด 4.08 บาท ดีดตัวขึ้นจาก Bottom Zone พร้อมปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น อย่างมีนัยสำคัญ และ MACD เพิ่งพลิกตัวส่งสัญญาณบวก หากผ่าน EMA-200 ที่ 4.14 บาท จะมีต้านถัดไปที่ 4.40 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 4.02 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 4.00 บาท
.jpg)
ข่าวเด่น