หุ้นทอง
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้อนรับ บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) เริ่มซื้อขาย 10 ก.พ. นี้


บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ มากว่า 30  ปี พร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 10 ก.พ. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,672  ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PEACE”                


นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PEACE”  ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565

PEACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย ประเภท บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยบริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก ปัจจุบันดำเนินโครงการภายใต้แบรนด์ Cordiz, The Glamor และ Cher ซึ่งเป็นการแบ่งเพื่อนำเสนอโครงการให้สอดคล้องตามลักษณะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย  ทั้งนี้ PEACE มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

PEACE มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 420 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 336 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 84 ล้านหุ้น โดยเสนอขายระหว่างวันที่  2 - 4 และ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.98 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 334.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,671.6 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 8.47 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.47 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) เปิดเผยว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น เมื่อประกอบกับอัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างผลประกอบการให้เติบโต โดย PEACE มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้

PEACE มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมาย และสำรองอื่น ๆ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ กำไรจากการดำเนินงาน แผนการลงทุนต่าง ๆ ในอนาคต

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มครอบครัวศิริโสภณา ถือหุ้น 42.45%  2) กลุ่มครอบครัวเตชะไกรศรี ถือหุ้น 4.83% และ 3) นายชุมพล พรประภา ถือหุ้น 4.56%

ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.peaceandliving.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th 


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 09 ก.พ. 2565 เวลา : 09:59:26
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 8:38 am