สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำภาพรวมปรับตัวขึ้นแข็งแกร่ง โดยทำจุดสูงสุดบริเวณ 1,897 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เนื่องจากรัสเซียสับขาหลอก เพราะให้ข่าวว่ารัสเซียได้ถอนกำลังทหารออกจากชายแดนยูเครนได้แล้ว แต่สมาชิกนาโตชี้ รัสเซียแอบเพิ่มกำลังทหารมากขึ้นทำให้ตลาดกลับมากังวลความตึงเครียดอีกครั้ง ส่งผลให้ทองคำปรับตัวขึ้นในสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย
ขณะที่รายงานการประชุม FOMC ครั้งล่าสุดช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังไม่มีปัจจัยกดดันเพิ่มเติม กล่าวคือ ตลาดรับข่าวการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25%-0.50% ไปแล้ว สะท้อนได้จากผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่เร่งตัวขึ้นยืนเหนือ 2.00%
ส่วนดัชนีดอลลาร์ยังประคองตัวที่ระดับ 95.00-96.50 เมื่อไม่มีปัจจัยกดดันเพิ่มเติม ทองคำจึงรับข่าวรัสเซียใกล้บุกยูเครนมากกว่า ทำให้โมเมนตัมกลับมาเป็นบวกสำหรับทองคำ ส่วน SPDR เข้าซื้อทองคำเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์นี้กว่า 5.18 ตัน
สัปดาห์นี้จับตา 2 แรงหนุน 1.คือ ประกาศตัวเลข GDP ไตรมาส 4 ของสหรัฐคาดว่าจะหดตัวใกล้เคียงกับไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เนื่องจากการแพร่ระบาดของโอไมครอนที่กลับมาแพร่ระบาดทำให้ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในสหรัฐกลับมาพุ่งสูง และ 2.เงินเฟ้อที่สูงสุดในรอบ 40 ปี ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น ซึ่งหนุนให้ราคาสินค้าปรับตัวขึ้นตาม คาดการณ์ว่า Core PCE ยังพุ่งแรงต่อเนื่อง
สอดคล้องกับฝั่งตลาดทุนผลประกอบการไตรมาส 4 ของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐ ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าครั้งก่อนหน้า ซึ่งทำให้ภาพรวม Q4 ของสหรัฐอาจดูไม่สวยนัก
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าราคาทองคำอาจทรงตัวระดับสูงต่อไป โมเมนตัมกลับมาเป็นขาขึ้น กรอบการซื้อขายบริเวณ 1,870-1,930$/oz หากย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับดังกล่าว คำแนะนำทยอยเข้าซื้อสะสม
ส่วนบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ ที่ผ่านมา (18 ก.พ.) ดัชนีปรับตัวลงในช่วงเช้าตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ก่อนที่ดัชนีจะฟื้นตัวเคลื่อนไหวในกรอบแคบ หุ้นกลุ่มขนส่ง ไอซีที และค้าปลีกปรับตัวขึ้นได้ดี เช่น AOT, BTS, BEM และ TRUE +10.68%, DTAC +8.47%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน กดดันดัชนี นักลงทุนติดตามรมว.ต่างประเทศรัสเซีย-สหรัฐ เตรียมเจรจาปมยูเครนในสัปดาห์หน้า ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,713.20 จุด +1.62 จุด +0.09% มูลค่าการซื้อขาย 95,579 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก คาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวนในลักษณะ Sideway จากวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐยืนยันว่ารัสเซียพร้อมที่จะบุกโจมตียูเครน ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรง กดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,730 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่น่าจับตามองในสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น MAKRO ราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 42.75 บาท ทยอยไต่ระดับขึ้น โดยมี Volume สะสมต่อเนื่อง และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish หนุน คาดราคามีโอกาสทดสอบต้านที่ 45.00-48.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 41.00 บาท จุด cut loss อยู่ที่ 40.00 บาท
และหุ้น BEM มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 42.75 บาท ราคาอยู่ในทิศทางขาขึ้น พร้อม Volume เข้าสองวันติด และ Slow Sto. เพิ่งส่งสัญญาณบวก หากผ่าน 9.00 บาทได้ จะมีต้านถัดไปที่ 9.25 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 8.60 บาท มีจุด cut loss อยู่ที่ 8.50 บาท
ข่าวเด่น