บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘GLAND’ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงการเป็นพันธมิตรด้านส่งเสริมโครงการเมืองอัจฉริยะแห่งอนาคตในประเทศไทย มุ่งพัฒนาออฟฟิศอัจฉริยะในภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของไทย เพื่อรองรับรูปแบบการทำงานแห่งอนาคตที่ผสมผสานเทคโนโลยีไอซีที ดิจิทัล และการเชื่อมต่อถึงกันอย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมวางแผนขยายความร่วมมือไปยังกลุ่มธุรกิจรีเทล ศูนย์การค้า ที่อยู่อาศัย และโรงแรมทั่วประเทศไทยในอนาคต เร่งความพร้อมสู่การเป็นดิจิทัลฮับระดับอาเซียน เสริมนโยบายไทยแลนด์ 4.0
นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด ได้กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “หัวเว่ยและทาง GLAND เป็นพันธมิตรที่ทำงานร่วมกันมาอย่างใกล้ชิดและยาวนาน นับตั้งแต่เราเริ่มธุรกิจในไทยอย่างเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. 2542 โดยสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย ตั้งอยู่ในอาคารจีทาวเวอร์ แกรนด์ ซึ่งเป็นอาคารในเครือของ GLAND นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้นำร่องเปิดตัวศูนย์ Huawei Open Lab Bangkok ในปี พ.ศ. 2560 ที่อาคารเดียวกัน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาทักษะดิจิทัลในประเทศไทย สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และรองรับเป้าหมายของประเทศในการขึ้นเป็นศูนย์กลางดิจิทัลระดับอาเซียน เราหวังว่าความร่วมมือระหว่างหัวเว่ยและ GLAND ครั้งนี้จะช่วยเสริมความอัจฉริยะให้แก่ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการตอบโจทย์พันธกิจของหัวเว่ยในการเป็นผู้สนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล รวมทั้งนำเทคโนโลยีดิจิทัลไปสู่ทุกคน บ้านทุกหลัง และองค์กรทุกแห่ง เพื่อสร้างประเทศไทยอัจฉริยะที่เชื่อมโยงกันอย่างเต็มรูปแบบ”
ด้านนางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ‘GLAND’ เผยว่า “ประเทศไทยกำลังมุ่งสู่สังคมดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ และจะกลายเป็นดิจิทัลฮับที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ภายใต้นโยบายไทยแลนด์ 4.0 ของภาครัฐ รวมถึงเป็นตลาดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในด้านการค้าการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอันดับต้นๆ ของโลก ความร่วมมือในครั้งนี้ช่วยเติมเต็มและนำเอาความรู้ความเชี่ยวชาญของหัวเว่ย มาช่วยเพิ่มศักยภาพและสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับมิกซ์ยูสโปรเจ็คต่างๆ อาทิ พื้นที่รีเทล ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัย และโรงแรม รวมถึงบริษัทฯ ในเครือของ GLAND ในอนาคต เพื่อสร้างเมืองแห่งการอยู่อาศัยอัจฉริยะ เป็น Smart Digital Township ที่ทันสมัยและสมบูรณ์แบบ สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดดให้ธุรกิจ และยกระดับวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยให้ทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”
ความร่วมมือระหว่างเซ็นทรัลพัฒนา นำโดย GLAND และหัวเว่ย จะเป็นการพัฒนาอีโคซิสเต็มอัจฉริยะอย่างครบวงจร ผ่าน 5 องค์ประกอบสำคัญ ในการสร้าง Smart Digital Township ให้แก่โครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของ GLAND ได้แก่
1. Smart Building พัฒนาอาคารอัจฉริยะด้วยเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกสบายด้านการใช้งานต่อผู้ใช้อาคาร และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
2. Smart Asset Management การบริหารจัดการสินทรัพย์ด้วยเทคโนโลยี 5G เทคโนโลยีแอคเซสพอยท์ Wi-Fi 6 ความเร็วระดับอัลตร้าไฮสปีด โมดูล IoT และกล้องตรวจจับอัจฉริยะ
3. Smart Hospitality and Retail เชื่อมโยงระบบ Fiber Backbone สู่การเป็นโรงแรมและศูนย์การค้าอัจฉริยะแห่งโลกอนาคต
4. Smart Campus and Living ระบบอาคารและพื้นที่อยู่อาศัย ที่มุ่งเน้นด้านความปลอดภัย รวมถึงระบบที่จอดรถอัจฉริยะ
5. Intelligent Connectivity การเชื่อมต่ออัจฉริยะด้วยระบบ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ VDO & Imaging Technology และ ไฟเบอร์ออพติก รวมถึงพื้นที่เก็บข้อมูลในคลาวด์
ก่อนหน้านี้ หัวเว่ยได้สานต่อความร่วมมือด้วยการเป็นพันธมิตรกับทางเซ็นทรัลพัฒนา โดยเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้จัดแสดงนิทรรศการ “GREEN FOR FUTURE : ปรับบ้านเปลี่ยนอนาคต” อย่างยิ่งใหญ่ ณ ลานกิจกรรม ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อเปิดตัวสายผลิตภัณฑ์โซลูชัน Huawei FusionSolar Residential Smart PV สำหรับใช้ในภาคครัวเรือนตัวใหม่ล่าสุด รองรับการผลิตและใช้งานพลังงานไฟฟ้าสะอาดภายในบ้าน ซึ่งชูจุดเด่นเรื่องความประหยัดและความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งรณรงค์เรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ (Net zero) แสดงให้เห็นความตั้งใจและพันธกิจในการร่วมการดำเนินงานอย่างแข็งแกร่งของทั้งสองบริษัทฯ เพื่อช่วยสร้างอนาคตที่ดีขึ้นแก่ประเทศไทยและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผลักดันประเทศไทยให้เป็นดิจิทัลฮับที่สำคัญของภูมิภาคอาเซียนอย่างแท้จริง
ในปัจจุบัน โลกอัจฉริยะได้ขยับเข้ามาใกล้การดำเนินชีวิตประจำวันมากขึ้น ซึ่งกลุ่มธุรกิจหัวเว่ย เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้มุ่งหน้าพัฒนาโซลูชันรับนวัตกรรมสำหรับรองรับการใช้งานในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเต็มที่ เพื่อตอบรับกับโอกาสใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย และสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัลที่จะช่วยให้ทุกคนสามารถเติบโต สร้างนวัตกรรมใหม่ และประสบความสำเร็จไปพร้อมกันได้ โดยข้อมูลจากเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา หัวเว่ยได้พัฒนาโซลูชันสำหรับใช้ในสถานการณ์ต่างๆ มากกว่า 100 รูปแบบ ครอบคลุมภาคอุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่า 10 ประเภท ซึ่งรวมไปถึงภาคอุตสาหกรรมเมืองอัจฉริยะ (Smart City) การเงิน พลังงาน คมนาคม และภาคการผลิต โดยโซลูชันด้านเมืองอัจฉริยะของหัวเว่ยได้รับการใช้งานในเมืองต่างๆ กว่า 700 แห่ง ใน 40 ประเทศและภูมิภาค
ทั้งนี้ หัวเว่ยได้ติดตั้งเทคโนโลยีไอซีทีเพื่อพัฒนาโซลูชันแคมปัสอัจฉริยะซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนให้แก่ลูกค้ากว่า 800 รายทั่วโลก ครอบคลุมตั้งแต่ภาครัฐบาล พลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต อสังหาริมทรัพย์ และการขนส่ง นอกจากนี้ หัวเว่ยยังได้มีส่วนร่วมในการวางมาตรฐานให้แก่แคมปัสอัจฉริยะมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยการมอบหมายให้ทีมงานเปิดตัวโครงการวางมาตรฐานระดับชาติชุดแรกให้แก่แคมปัสอัจฉริยะในประเทศจีน รวมทั้งได้ตั้งโครงการสำหรับพาร์ทเนอร์ที่ดึงดูดพาร์ทเนอร์จำนวนมากกว่า 133 รายให้มาเข้าร่วมอีโคซิสเต็มการเชื่อมต่ออย่างอัจฉริยะของหัวเว่ย ที่รองรับด้านแคมปัสอัฉริยะ
ข่าวเด่น