บลจ.ทิสโก้ปลื้มกองทุน TISCOFLEXP สร้างผลการดำเนินงานอันดับ 1 ในกลุ่มกองทุนรวมผสมปี 2564 ชูกลยุทธ์การลงทุนสุดยืดหยุ่น ลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% ปรับสัดส่วนตามสภาวะตลาด พร้อมประกาศเดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนต่อ เน้นบริหารกองทุนแบบเชิงรุกลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีมีศักยภาพเติบโตสูง
นายสาห์รัช ชัฏสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด และที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยยังถูกกดดันจาก COVID – 19 แพร่ระบาด และเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวนัก แต่ด้วยกลยุทธ์การลงทุนที่ยืดหยุ่นและการเลือกหุ้นพื้นฐานดีมีศักยภาพเติบโตสูง ทำให้ช่วง 1 ปีที่ผ่านมากองทุน กองทุนเปิด ทิสโก้ เฟล็กซิเบิ้ล พลัส (TISCOFLEXP) กองทุนรวมผสมความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) สามารถสร้างผลตอบแทนย้อนหลังได้ 26.69% ต่อปี (ข้อมูลจาก บลจ. ทิสโก้ ณ วันที่ 31 ม.ค. 65) และตามข้อมูล จาก Morningstars ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2564 ระบุว่า ในปี 2564 กองทุน TISCOFLEXP มีผลการดำเนินงานย้อนหลังเป็นอันดับที่ 1 ของกองทุนหุ้นไทย ประเภทกองทุนรวมผสม Aggressive Allocation ในช่วงเวลา 1 ปี 3 ปี 5 ปี และยังได้รับการจัดอันดับ 5 ดาว จาก Morningstars อีกด้วย ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
สำหรับในปีนี้กองทุน TISCOFLEXP บริหารจัดการโดยบลจ.ทิสโก้ ยังคงเดินหน้าเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยยึดกลยุทธ์หลักคือ กระจายเงินลงทุนของกองทุนใน ตราสารแห่งทุน ตราสารแห่งหนี้ และ/หรือเงิน ฝาก ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ตลอดจนหลักทรัพย์และทรัพย์สินอื่นหรือการหาดอกผลโดยวิธีอื่นอย่างใด อย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด ซึ่งผู้จัดการกองทุนจะใช้กลยุทธ์การบริหารกองทุนแบบเชิงรุก โดยเน้นลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพและเติบโตสูง ประกอบกับกลยุทธ์การลงทุนในการคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีมีคุณภาพ และอาจลงทุนในหุ้นได้ตั้งแต่ 0-100% เพื่อให้มีความยืดหยุ่นในการปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตามสภาวะตลาด
“ในปี 2565 ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นมาค่อนข้างมาก จากอานิสงส์กระแสเงินทุนต่างประเทศไหลเข้าลงทุนในหุ้นคุณค่า (Value Stock) ทำให้ช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยซื้อขายบนอัตราปิดต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) ที่ 18.1 เท่า สูงกว่า P/E ค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่อยู่ในระดับ 17.4 เท่า แม้จะมีปัจจัยบวกจากการบริโภคในประเทศที่น่าจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และการเปิดประเทศที่จะเริ่มขึ้นเมื่อสถานการณ์ COVID – 19 คลี่คลายลง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีความเสี่ยงที่ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลงจากปัจจัยลบด้านราคาหุ้นที่เริ่มสูง และการลดสภาพคล่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนหลังจากนี้จำเป็นจะต้องเลือกลงทุนหุ้นรายตัวในลักษณะขึ้นขายลงซื้อ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนเหนือตลาด ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของกองทุน TISCOFLEXP ตอบโจทย์การลงทุนในลักษณะดังกล่าวได้ดี ” นายสาห์รัชกล่าว
นายสาห์รัชกล่าวอีกว่า ผลการดำเนินงานย้อนหลังโดยละเอียด ตามข้อมูล บลจ.ทิสโก้ ณ วันที่ 31 มกราคม 2565 กองทุน TISCOFLEXP มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี 3 ปี 5 ปี และ 10 ปี และผลการดำเนินงานนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน อยู่ที่ 1.71% 9.80% 26.69% ต่อปี 25.25% ต่อปี 16.77% ต่อปี 12.48% ต่อปี และ 7.36% ต่อปี ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ดัชนีชี้วัด ได้แก่ ค่าเฉลี่ยระหว่าง 1.ดัชนีผลตอบแทนรวมตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET TRI) 50% 2.ผลตอบแทนรวมสุทธิของดัชนีพันธบัตรรัฐบาลอายุ 1 - 3 ปี ของสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย 25% และ 3. อัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจ่า 1 ปี วงเงินน้อยกว่า 5 ล้านบาท เฉลี่ยของ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ หลังหักภาษี 25% อยู่ที่ 0.94% 4.71% 7.75% ต่อปี 3.72% ต่อปี 3.81% ต่อปี 5.59% ต่อปี และ n.a. ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม ไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
ผู้สนใจลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน และสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือ TISCO Contact Center โทร. 0 2633 6000 กด 4, 0 2080 6000 กด 4 และ www.tiscoasset.com หรือ แอปพลิเคชัน TISCO My Funds
ข่าวเด่น