เดนทัล คอร์ปอเรชั่น มั่นใจปี 65 รายได้เติบโตก้าวกระโดด เผยไตรมาส 4/64 งานทันตกรรมส่งสัญญานฟื้นตัว หลังปรับแผนเน้นลูกค้าในประเทศ และชาวต่างชาติที่ทำงานในไทย พร้อมลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกลับมา ผลักดัน D พลิกมีกำไรแข็งแกร่ง หนุนฐานรายได้ที่มั่นคงและเติบโตยั่งยืน พร้อมย้ำผู้ถือหุ้นที่ประสงค์ใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ D-W1 โอนเงินและส่งเอกสารทั้งหมด ภายใน วันที่ 3 มี.ค. 65
ทพ.พรศักดิ์ ตันตาปกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดนทัลคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ Dกล่าวถึงผลการดำเนินงาน ของบริษัทงวดปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2564 บริษัทมีรายได้จาก ธุรกิจให้บริการด้านทันตกรรมจำนวน 301 ล้านบาท ลดลง 13.1 ล้านบาท หรือ4%เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563 ส่วนธุรกิจด้านการจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทางทันตกรรม มีรายได้ 228 ล้านบาท ลดลง 30.3 ล้านบาท หรือ 12% จากปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 24 ล้านบาท
สำหรับสาเหตุหลักของผลประกอบการที่ขาดทุน เกิดจากรายการพิเศษในงบการเงิน ที่ได้ตั้งสำรองสินค้าเคลื่อนไหวช้าจำนวน 8 ล้านบาทของบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจซื้อมาขายไป สินค้าทันตกรรม (บริษัท เดนทัล วิชั่น จำกัด ) ถ้าไม่นับรวมรายการพิเศษดังกล่าว กลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานสำหรับปี 2564 จำนวน 16 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด19 ที่มีการประกาศล็อคดาวน์ ทำให้บริษัทต้องทำการปิดบางสาขาเป็นการชั่วคราว และจำนวนลูกค้าเข้ามาใช้บริการมีปริมาณลดลง
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น หลังจากมีมาตรการคลายล็อคดาวน์จากภาครัฐ และประชาชนส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มแล้ว ทำให้ลูกค้าคลายความกังวล และกลับมาเข้ามาใช้บริการทันตกรรม ส่งผลให้บริษัท มีผลการดำเนินงานเป็นกำไรสุทธิประมาณ 1 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด โดยเพิ่มสัดส่วนกลุ่มลูกค้าในประเทศ รวมทั้งได้ดำเนินการปรับแผนลดต้นทุนค่าใช้จ่ายของกลุ่มบริษัท ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“หลังจากที่มีการผ่อนคลายมาตรการล๊อคดาวน์ ทางกลุ่มบริษัท ได้เริ่มเปิดให้บริการตามปกติ ด้วยมาตรฐานความสะอาด ปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้มาใช้บริการและในไตรมาส 4 / 2564 ลูกค้าคนไทยมีจำนวน visit volume 12,000 ครั้ง มีรายได้ต่อไตรมาสประมาณ 63 ล้านบาทซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับช่วงก่อนเกิดโควิด -19” ทพ.พรศักดิ์ กล่าว
สำหรับในส่วนของ การเปิดดำเนินการของโรงพยาบาลทันตกรรม กรุงเทพ อินเตอร์เนชั่นแนล (BIDH) ที่เน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยที่มีรายได้สูง และผู้บริหารชาวต่างประเทศที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูง ได้สร้างรายได้เพิ่มให้กับกลุ่มบริษัทในปี 2564 เป็นจำนวน 54 ล้านบาท เติบโต 39%
ทพ.พรศักดิ์ กล่าวอีกว่าจากแผนการดำเนินงานของบริษัทในปี 2565 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้เติบโตสูงขึ้นจากปี 2564 ซึ่งได้รับอานิสงส์จากความต้องการใช้บริการทันตกรรมในประเทศที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยลูกค้าได้กลับเข้ามารับการรักษาได้เหมือนภาวะปกติ รวมทั้งบริษัทได้เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวของทางภาครัฐบาล บริษัทเชื่อมั่นว่าถ้านักท่องเที่ยวกลับมา บริษัทสามารถทำกำไรได้อย่างก้าวกระโดดซึ่งจะทำให้บริษัทมีฐานรายได้ที่มั่นคงแข็งแกร่ง และสามารถทำกำไรได้ต่อเนื่องยั่งยืนในระยะยาว
“ D ได้ผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว จากที่ได้รับผลกระทบจากการล็อคดาวน์ 2 ปีที่ผ่านมา แต่เราเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นไตรมาส 4 / 64 จากการเข้ารับบริการของลูกค้าเริ่มดีขึ้นบริษัทเองก็ได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด ได้หันมาจับกลุ่มลูกค้าในประเทศ เป็นกลุ่มลูกค้าระดับกลาง ระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง จากเดิมกลุ่มลูกค้าหลักเป็นลูกค้าต่างชาติ ในช่วงผ่านมาถือว่ากระแสตอบรับดีเกินคาด” ทพ.พรศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทขอแจ้งผู้ถือหุ้น ย้ำถึงการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (วอร์แรนต์) ชุดที่ 1 หรือ D-W1 โดยได้กำหนดอัตราการใช้สิทธิแปลงสภาพ สัดส่วน 1 หน่วยวอร์แรนต์ ต่อ 1.20 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิ 3.3333บาทต่อหุ้น ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนที่มีความประสงค์ใช้สิทธิแปลงสภาพ D-W1 สามารถโอนเงินและส่งเอกสารหลักฐานทั้งหมด ภายในวันที่ 3 มี.ค.65
ข่าวเด่น