คริปโตเคอเรนซี่
Special Report "สภาวะสงครามรัสเซีย - ยูเครน" กับข้อพิสูจน์ว่าเราอาจไม่ควรเชื่อใจระบบการเงินแบบรวมศูนย์อีกต่อไป


เข้าสู่ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม2565 สถานการณ์สงครามในยูเครนก็ยังไม่สู้ดี จากการรุกรานของกองกำลังทหารรัสเซียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็คงได้เห็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับยูเครนจากข่าวทั้งผู้เสียชีวิต การเร่งอพยพประชาชน ความเสียหายของอาคารบ้านเมืองในกรุงเคียฟ การทำลายเครื่องบินขนส่งสินค้าในฐานทัพอากาศฮอสโตเมล หรือการบุกโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในเมืองอีเนอร์โกดาร์ก็ตาม และยังส่งผลกระทบเป็นโดมิโน่ไปในอีกหลายๆ ประเทศ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้เปิดฉากสงครามอย่างรัสเซียเองก็ตาม


 
 
จากบทความ “ส่องเหตุผลของตลาดคริปโตร่วง ผกผันกับทองคำ ในวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน” ของสัปดาห์ที่แล้ว ผู้อ่านคงเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางรัสเซียเอง ที่สกุลเงินรูเบิลรัสเซียได้ปรับตัวอ่อนค่าลงทันที 10% หลังจากการประกาศสงครามของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 และยังคงปรับตัวดิ่งค่าลงเรื่อยๆ โดยค่าต่ำสุดอยู่ที่แท่งปิด 0.00875 ดอลลาร์สหรัฐต่อ 1 รูเบิล ของวันพุธที่ 3 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งตีได้ว่าค่าเงินรัสเซียนั้นอ่อนค่าลงกว่า30% หรือต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เลยทีเดียว ในส่วนของหุ้นดัชนีรัสเซียเอง ก็ร่วงลงกว่า 90% รวมถึงหุ้นบริษัทต่างๆของรัสเซียก็ดิ่งลงเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าจากนานาประเทศส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจรัสเซียอย่างรุนแรง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น คือ ทางสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรตะวันตกตัดธนาคารรัสเซียหลายแห่งออกจาก “SWIFT” ระบบสมาคมธุรกิจโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารโลก หรือเรียกง่ายๆว่าเป็นระบบโอนเงินของธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ ทั่วโลก การตัดรัสเซียออกจาก SWIFT นี้ จึงทำให้การโอนเงินระหว่างประเทศเป็นไปได้ยากมาก ยิ่งไปกว่านั้นระบบการชำระเงินทั้ง Visa, Mastercard, Google Pay และ Apple Pay ก็ระงับการทำธุรกรรมในรัสเซียเช่นกัน ซึ่งการตัดการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ แน่นอนว่าหวยได้ไปลงกับประชาชนชาวรัสเซียนั่นเอง ผู้อ่านลองคิดดูว่า หากเราเป็นชาวรัสเซียที่อยู่ในประเทศ เงินที่เรามีในมือมันเหมือนไม่มีค่าอีกต่อไป เพราะเราไม่สามารถเอาเงินที่เรามีอยู่ไปใช้จับจ่ายอะไรได้เลย
 
 
 

 
ภาพด้านบน เป็นภาพของสถานีรถไฟใต้ดิน Metro ในกรุงมอสโกของรัสเซีย ที่เกิดความโกลาหลอันเนื่องมาจากระบบการจ่ายเงินด้วย Google Pay และ Apple Pay ถูกระงับการใช้งานโดยที่ประชาชนไม่รู้มาก่อน ทุกคนต่างวุ่นวายในการหาเงินสดมาจ่ายแทน ทำให้เกิดความแออัดของขบวนคนดังภาพ

 
 
 
และนี่ก็เป็นอีกภาพ ที่ประชาชนชาวรัสเซียนั้นต่างต่อคิว รอถอนเงินออกจากธนาคารอย่างจ้าละหวั่น เนื่องมาจากการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นกับภาคการเงินของรัสเซีย ที่การทำธุรกรรมบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ใช้ไม่ได้อีกต่อไป ผู้คนไม่เชื่อใจให้ธนาคารของรัสเซียดูแลทรัพย์สินของตน (ซึ่งการแห่ทยอยถอนเงินออกก็ยังส่งผลให้ “Sperbank” สถาบันการเงินรายใหญ่ที่สุดของรัสเซียได้ถูกธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB สั่งปิดสาขาธนาคารในยุโรปทั้งหมด เพราะประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง ทำให้เสี่ยงต่อการล้มละลายอย่างมาก) และมูลค่าของเงินสกุลรูเบิลนับวันก็ยิ่งลดลง แม้ธนาคารกลางจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยกว่า 10% จูงใจให้คนไม่ถอนเงินก็ตาม

ผู้อ่านคงเริ่มมองออกว่าระบบการเงินแบบ Centralized Finance มันมีผลเสียอย่างไรหากเกิดวิกฤติสงครามขึ้นมา มันทำให้เกิดการตระหนักรู้ได้เลยว่าเงินที่เราฝากไว้กับตัวกลางต่างๆ มันเหมือนไม่ใช่เงินของเราอย่างแท้จริง เพราะการที่เราได้มอบอำนาจในการจัดการดูแลทรัพย์สินของเราให้กับธนาคารใดธนาคารหนึ่ง ภายใต้รัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่งในแต่ละประเทศ ตัวกลางที่มีอำนาจแบบรวมศูนย์นี้ อาจสามารถใช้นโยบายการเงินเป็นอาวุธทางการค้า หรือก่อเหตุการณ์ต่างๆ ที่เป็นระเบิดเวลาในการสร้างวิกฤติทางการเงินในอนาคตได้ ถึงแม้ประชาชนในประเทศจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจก็ตาม เราจึงไม่มีอำนาจในทรัพย์สินเลยหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาในรัสเซียที่มีการแบนไม่ให้ทำธุรกรรมทางการเงิน เสี่ยงกับทรัพย์สินที่อาจหายไปได้หากธนาคารในประเทศล้มละลายขึ้นมาและมูลค่าที่ลดลงกับการถือสกุลเงินรูเบิลที่ขึ้นกับรัฐบาลในประเทศ มันจึงมีความสมเหตุสมผลที่จะเกิดวิกฤติที่คนรัสเซียแห่ถอนเงินออกมาอย่างจ้าละหวั่น

และในภาวะสงครามที่ส่งผลกระทบกับระบบเศรษฐกิจอย่างใหญ่หลวง "การสะสมความมั่งคั่ง" จึงกลายเป็นภาคบังคับของทุกคน เราจึงเห็นกลไกลตามธรรมชาติที่ราคาทองจะมีราคาที่สูงขึ้น เพราะทองคำเป็นสิ่งที่เรารับรู้กันมาอย่างยาวนานว่ามันสามารถสะสมความมั่งคั่งได้ แต่ลองคิดตามดูว่าหากเราต้องอพยพหนีสถานการณ์สงคราม ไม่ว่าจะประชาชนในยูเครนหรือในรัสเซีย การขนย้ายทองคำติดตัวไปด้วยดูเป็นเรื่องที่ลำบากมากถึงมากที่สุด การมีอยู่ของ Bitcoin หรือ Cryptocurrency ในสภาวะปัจจุบันนี้เอง จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเป็นทางเลือกในอีกทรัพย์สินที่กักเก็บมูลค่าได้จริง และไม่อยู่ภายใต้รัฐบาลไหนทั้งนั้นที่จะมีอำนาจหรือออกข้อบังคับว่าจะให้ใช้หรือไม่ใช้ได้
 
 
 

และเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บัญชี Twitter ของยูเครน ก็ได้เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือในรูปแบบของ Bitcoin, Ethereum และ USDT และภายหลังก็ยังรับบริจาคด้วยสกุลเงินคริปโตอื่นๆเพิ่มขึ้นมา อย่าง Doge และ Solana อีกด้วย จากการประกาศในบัญชีทวิตเตอร์ของรองนายกรัฐมนตรียูเครน Mykhailo Fedorov

จากสภาวะสงครามที่เกิดขึ้นจริง ทำให้มันกลายเป็น Used Case ที่ยืนยันกับชาวโลกทุกคนได้ว่า Cryptocurrency ดูจะเป็นเงินตราของประชาชนอย่างแท้จริง มีความเป็นอิสระและไม่ขึ้นตรงกับใคร ที่ประชาชนชาวยูเครนมีช่องทางในการได้รับความช่วยเหลือทางการเงินได้จากการรุกรานของรัสเซีย และก็ยังเป็นแสงสว่างให้กับประชาชนชาวรัสเซียตัวเล็กๆ ที่พวกเขาไม่ได้มีส่วนในการเลือกก่อสงครามของรัฐบาลอีกด้วย

 
ที่มา
- สำนักข่าว Reuters
https://www.reuters.com/markets/deals/russian-rouble-slides-further-after-ratings-downgrades-2022-03-03/
 
- บัญชีทวิตเตอร์ของยูเครน
https://twitter.com/Ukraine
 

- บัญชีทวิตเตอร์ของ Mykhailo Fedorov 

 https://twitter.com/FedorovMykhailo

 

- บัญชีทวิตเตอร์ของ Ian Bremmer
https://twitter.com/ianbremmer
 

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 05 มี.ค. 2565 เวลา : 15:17:50
05-12-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ December 5, 2024, 9:06 am