หุ้นทอง
ส่องหุ้นมองทอง : กรอบราคาทองสัปดาห์นี้อยู่บริเวณ 1,875 -1,950 ดอลลาร์ / ดัชนีมีโอกาสแกว่ง Sideway ออกข้าง



สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงค่อนข้างแรง เนื่องจากตลาดให้ความหวังการเจรจาของผู้แทนฝ่ายรัสเซียและยูเครน เพื่อหาข้อยุติการทำสงคราม โดยถ้อยแถลงของ "เซเลนสกี" สอดคล้องกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย ซึ่งแสดงความหวังต่อการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน

โดยเริ่มมองเห็นความหวังที่รัสเซียและยูเครน จะสามารถประนีประนอมในการเจรจาสันติภาพ เพราะมีการหารือกันอย่างจริงจังในประเด็นที่ยูเครนต้องมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลาง โดยทั้งสองฝ่ายกำลังใกล้ได้ข้อตกลงบ้างแล้ว เมื่อแนวโน้มสงครามเริ่มดีขึ้น

ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจึงเผชิญแรงเทขายทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงจุดต่ำสุดบริเวณ 1,895 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่การประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐมาตามที่ตลาดคาดการณ์ คือ เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% อีกทั้งภายในปีนี้ เป็นไปได้ว่าทุกครั้งที่เหลือจากการประชุมอีก 6 ครั้ง เฟดอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยได้ทุกครั้ง อาจทำให้ดอกเบี้ยนโยบายขึ้นแตะระดับ  2.00%

แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่การทำ QT ที่จะเริ่มในการประชุม FOMC ครั้งหน้าเดือนพฤษภาคม จะทำให้ขนาดงบดุลสหรัฐลดลง ส่งผลให้สภาพคล่องลดลงตามไปด้วย ส่วน SPDR ยังเข้าซื้อต่อเนื่องที่ 9.29 ตัน

ขณะที่สัปดาห์หน้าจับตาสงครามรัสเซียกับยูเครนจะมีการเจรจาดีขึ้นหรือไม่ หากยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้นราคาทองคำอาจทรงตัวเหนือ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ต่อไป ขณะที่จับตาประกาศตัวเลขยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐว่าจะปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับเศรษฐกิจหรือไม่ อีกทั้งเมื่อนโยบายการเงินเป็นไปตามคาดการณ์ตลาดรับรู้ข่าวไปแล้ว ทำให้เม็ดเงินบางส่วนจะไหลกลับไปสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่เม็ดเงินบางส่วนจะยังคงอยู่ที่ทองคำเนื่องจากสงครามยังไม่จบลง
 
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่า กรอบการซื้อขายทองคำในสัปดาห์อยู่ที่บริเวณ 1,875-1,950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำย่อตัวไม่หลุดแนวรับดังกล่าวทยอยเข้าซื้อสะสม

 
 
ส่วนบรรยากาศตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (18 มี.ค.) เคลื่อนไหว sideway ในกรอบแคบ +,- 4 จุด มีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล อย่าง RAM, THG, BDMS, VIBHA และกลุ่มท่องเที่ยว ที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 คือปรับมาตรการก่อนเข้าไทย ไม่ต้องตรวจ RT-PCR แต่เข้ามาแล้วตรวจ 1 ครั้ง หุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น CENTEL, MINT, ERW, SPA ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,678.51 จุด -3.25 จุด -0.19% มูลค่าการซื้อขาย 97,589 ล้านบาท

ฝ่ายวิจัยคาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่ง Sideway ออกข้าง โดยมีแรงหนุนจากการที่รัสเซียได้ชำระดอกเบี้ยพันธบัตรสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งช่วยให้รัสเซียรอดพ้นจากการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ศบค.ชุดใหญ่ ผ่อนคลายมาตรการเข้าประเทศแบบ Test&Go คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,700จุด

สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองสัปดาห์นี้ ได้แก่ หุ้น CENTEL ซึ่งมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 39.75 บาท ราคาอยู่ในกรอบทิศทางขาขึ้น พร้อมปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และ MACD ส่งสัญญาณ Bullish หนุน คาดราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบต้านที่ 42.00-45.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 38.00 บาท และมีจุด cut loss อยู่ที่ 37.00 บาท

และหุ้น KSL มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 3.76 บาท ดีดตัวเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ โดยมี Volume เข้าวันแรก และ MACD+Slow Sto. ส่งสัญญาณซื้อ หากผ่านต้านแรกที่ 3.82 บาท ลุ้นทดสอบต้านถัดไปที่ 4.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 3.54 บาท และมีจุด cut loss ที่ 3.50 บาท
 

LastUpdate 21/03/2565 13:53:44 โดย : Admin
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 4:48 am