หุ้นทอง
กางสถิติ SET Index ใช้เวลานานเท่าไหร่กว่าจะฟื้นจากวิกฤต


 

 

ในอดีตที่ผ่านมา เมื่อมีวิกฤตเกิดขึ้น ตลาดหุ้นมักตอบรับในเชิงลบ แต่ระยะเวลาและผลกระทบเชิงบวกจะช่วยบรรเทาให้ดัชนีกลับสู่จุดเดิม แต่จะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน บทความนี้จะพามาแกะรอยดัชนีหุ้นไทย SET Index ในช่วงเวลาวิกฤต ว่าลงไปถึงจุดใด และกว่าจะฟื้นจากวิกฤตได้ ใช้เวลานานแค่ไหน โดยขอยกตัวอย่าง 3 วิกฤตครั้งใหญ่


 
 
 
วิกฤตต้มยำกุ้ง ปี 2540

วิกฤตแรกที่จะพาไปย้อนรอย คือ วิกฤตต้มยำกุ้ง เป็นช่วงที่ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการลงทุนตอนก่อนที่จะเกิดวิกฤตดูจะค่อนข้างหอมหวาน ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารที่สูงถึง 10% ขึ้นไป การปล่อยกู้ของธนาคารในไทยที่ง่ายดาย เนื่องจากธนาคารเห็นโอกาส 3 อย่าง คือ

1. ประเทศไทยใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนคงที่
2. GDP ในประเทศที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
3. ดอกเบี้ยกู้ที่ธนาคารกู้จากธนาคารต่างประเทศถูกกว่ากันมาก
         
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้เวลานั้นคนนิยมกู้เงินเพื่อนำไปเก็งกำไรทั้งในตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น แต่เมื่อยิ่งมีการเก็งกำไรมาก ผลตอบแทนของสินทรัพย์ดังกล่าวก็ยิ่งลดลง และในเวลาต่อมา ก็เกิดหนี้เสียมากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับต่างชาติเห็นช่องว่างจากนโยบายการเงินในตอนนั้น จึงเริ่มมีการโจมตีค่าเงินบาทหนักขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งในปี 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนนโยบายจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่เป็นแบบลอยตัว
         
เมื่อลองมาย้อนดูเวลาช่วงนั้นจากกราฟด้านล่าง พบว่าในช่วงก่อนที่จะเกิดต้มยำกุ้ง ดัชนี SET Index ได้ทำจุดสูงสุดนับตั้งแต่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ก่อตั้ง ซึ่งทำไว้อยู่ที่ 1,789.16 จุด ในเดือนมกราคม 2537 หลังจากนั้นในมีเหตุการณ์สำคัญในเดือนกรกฎาคม 2540 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปลี่ยนนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนจากคงที่เป็นอัตราลอยตัว ส่งผลให้ SET Index ลงสู่จุดต่ำสุดในเดือนดังกล่าวจากดัชนี 696.22 จุด ได้ลงแรงมาถึง 204.59 จุด ในเดือนกันยายน 2541 และเริ่มดีขึ้นในเวลาต่อมา
         
กว่าจะกลับไปถึงจุดสูงสุดเดิมก่อนเกิดวิกฤตได้นั้น ต้องรอจนถึงเดือนมกราคม 2561 ถือว่าวิกฤตครั้งนี้ ใช้เวลาถึง 24 ปีกันเลยทีเดียวกว่าที่ตลาดจะกลับมาอยู่ระดับเดิม
 


 

วิกฤต Subprime
         
วิกฤตต่อมาที่อาจไม่ได้กระทบหนักในไทยเท่ากับวิกฤตต้มยำกุ้ง แต่ก็เล่นเอาตลาดหุ้นเหนื่อยอยู่เหมือนกัน นั่นคือ วิกฤต Subprime เป็นช่วงที่เกิดฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐอเมริกา สาเหตุเกิดจากการผิดนัดชำระหนี้ของผู้กู้เงินและถูกยึดอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มส่งสัญญาญอย่างชัดเจนขึ้นเมื่อปี 2550
         
ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤต Subprime SET Index ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 924.70 จุด ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2550 จากนั้นถึงได้ร่วงลงอย่างหนัก กระทั่งกลับมาจุดเดิมในเดือนกันยายน ปี 2553 ซึ่งใช้เวลา 2 ปีกับอีก 10 เดือน ถือว่าสั้นกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งพอสมควร
 
 

 
 
 
 
วิกฤติ COVID-19
         
และวิกฤตล่าสุดที่เกิดขึ้นมาเกือบ 2 ปีแล้ว และยังส่งผลกระทบในช่วงปัจจุบัน นั่นคือวิกฤต COVID-19 ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศจีนเมื่อเดือนธันวาคมปี 2562 ส่งผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากในบางประเทศมีการ Lockdown เพื่อป้องกันการติดเชื้อของประชากรในประเทศ
         
กลับมาดูที่ตลาดหุ้นบ้านเรา SET Index ณ ช่วงที่เจอ COVID-19 ครั้งแรกในประเทศจีน ดัชนีดังกล่าวได้ทำจุดสูงสุดในช่วงนั้นที่ 1589.34 จุด และลงมาต่ำสุดที่ 969.08 จุดในเดือนมีนาคม 2563 จากนั้น กลับมาถึงจุดสูงสุดเดิมที่ทำไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ในเดือนมีนาคม 2564 โดยใช้เวลา 1 ปี กับอีก 3 เดือน
         
แต่ดูเหมือนว่า COVID-19 จะยังไม่หายไปง่ายๆ ต้องติดตามต่อไปว่าจะส่งผลให้เกิดวิกฤตอะไรในอนาคตข้างหน้าในระยะสั้น กลาง และยาว
         
จะเห็นว่าถึงแม้ตลาดหุ้นไทยจะลงหนักขนาดไหน สุดท้ายแล้วก็ยังสามารถกลับมาจุดเดิมได้ โดยใช้ระยะเวลาและผลกระทบเชิงบวกเข้ามา ซึ่งวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจเป็นจังหวะและโอกาสในการลงทุนหุ้นไทยหลายๆ ตัว ที่มีพื้นฐานที่ดีและราคาถูกก็เป็นได้

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 มี.ค. 2565 เวลา : 02:21:15
30-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 30, 2024, 5:04 am