สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงเนื่องจาก ตลาดรับข่าวการเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้ช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำปรับตัวลงไปทำจุดต่ำสุดบริเวณ 1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหลังการประชุมยูเครนให้ข่าวว่ารัสเซียยอมให้ยูเครนเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่ห้ามเข้าร่วมกับนาโต้
ท้ายที่สุดแล้ว ฝันดับลงหลังปูตินยังไม่ตอบรับการประชุมสันติภาพดังกล่าว อีกทั้งยังเพิ่มกองกำลังทหารบุกประชิดกรุงเคียฟมากขึ้น หวังกดดันยูเครนต่อเนื่อง ส่งผลให้ทองคำรีบาวด์กลับขึ้นมายืนเหนือ 1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐปรับตัวขึ้นมายืนเหนือระดับ 2.30% สอดคล้องกับดัชนีดอลลาร์ที่ยังแกว่งตัวระดับสูงบริเวณ 98.00-99.40 บ่งบอกถึงตลาดมีความกังวลการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด ขณะที่ SPDR เทขาย -1.74 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนสัปดาห์นี้มี 2 ประเด็นที่ยังต้องจับตาคือ 1.ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งคาดการณ์ว่ารัสเซียจะตึงกำลังประชิดติดกรุงเคียฟไว้ จึงทำให้สงครามจ่อยืดเยื้อ
2.ตัวประกันที่สำคัญสำหรับรัสเซียคือน้ำมันดิบ ที่ยังมีบทบาทอยู่มากต่อเงินเฟ้อสะท้อนผ่านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐที่ยังทรงตัวระดับสูง หากเฟดยังไม่ส่งสัญญาณเพิ่มเติมที่มากกว่าการขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในครั้งหน้า สงครามและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นจะเป็นแรงหนุนทองคำ
ฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก ประเมินว่าสงครามรัสเซียและยูเครนส่อยืดเยื้อ อีกทั้งเฟดอาจจะยังไม่รีบส่งสัญญาณเชิงลบต่อตลาดเพิ่มเติม มุมของทองคำยังบวกคาดการณ์ทรงตัวในกรอบ 1,880-1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากย่อตัวไม่หลุดแนวรับทยอยเข้าซื้อสะสม
วันศุกร์ ที่ผ่านมาดัชนีลบอ่อนๆ มีแรงซื้อเข้ามาช่วงบ่าย ทำให้บวกราว 4-5 จุด ดัชนียืนเหนือ 1,700 จุดได้ตอนปิดตลาด ปัจจัยกดดันมาจาก สหรัฐรายงานดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนก.พ. สูงสุดในรอบ 40 ปี
ส่วนจีนรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนในเดือนมี.ค.ร่วงลงรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี หน้าหุ้นที่ขึ้นแรงส่วนใหญ่เป็นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,701.31 จุด +6.07 จุด +0.36% มูลค่าการซื้อขาย 68,888 ล้านบาท
ฝ่ายวิจัยคาดดัชนีสัปดาห์นี้มีโอกาสแกว่งตัวผันผวน Sideway ออกข้าง โดยนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามรัสเซีย-ยูเครน ประกอบกับตัวเลข PCE สหรัฐ พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 40 ปี ส่งผลให้ความกังวลว่าเฟด อาจเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,680-1,720 จุด
สำหรับหุ้นที่น่าจับตามองในสัปดาห์ ได้แก่ หุ้น HMPRO ราครปิดล่าสุดอยู่ที่ 16.10 บาท กลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ยทุกระดับ โดยมี Volume เข้าสี่วันติด และ Slow Sto. ส่งสัญญาณซื้อ หากผ่าน High เดิมที่ 16.50 บาท ลุ้นทดสอบต้านถัดไปที่ 17.00 บาท มีแนวรับอยู่ที 15.70 บาท มีจุด cut loss อยู่ที่ 15.50 บาท
และหุ้น BE8 มีราคาปิดล่าสุด อยู่ที่ 41.50 บาท ราคาอยู่ในทิศทางขาขึ้น พร้อม Volume เริ่มกระตุก และ MACD เพิ่งพลิกตัวส่งสัญญาณบวก หากผ่านต้านแรกที่ 45.00 บาท ลุ้นทดสอบ High เดิมที่ 50.00 บาท มีแนวรับอยู่ที่ 39.00 บาท มีจุด cut loss อยู่ที่ 38.00 บาท
ข่าวเด่น