บมจ. เจดีฟู้ด ผู้ผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร ซอส ไส้ขนม อาหารอบแห้ง ขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบ และซุปกึ่งสำเร็จรูป พร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 7 เม.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,560 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “JDF”
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับ บมจ. เจดีฟู้ด เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร หมวดอาหารและเครื่องดื่ม โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “JDF” ในวันที่ 7 เมษายน 2565
JDF ประกอบธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรสอาหาร (Food Seasoning) ซอส ไส้ขนม อาหารอบแห้ง แบบครบวงจรตามความต้องการของลูกค้า (Made to Order) ซึ่งเครื่องปรุงรสอาหารดังกล่าวนำไปใช้สำหรับเป็นวัตถุดิบส่วนผสมในการปรุงอาหารของลูกค้าในกลุ่มธุรกิจโรงงานอุตสาหกรรมอาหารและกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร อีกทั้ง บริษัทมีการรับจ้างผลิตขนมขบเคี้ยวประเภทมะพร้าวอบกรอบความต้องการของลูกค้าแบบ OEM (Original Equipment Manufacturer) ให้แก่ลูกค้าในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของบริษัททั้งผงเขย่าปรุงรสและไส้เบเกอรี่ ตรา ‘โอเค’ ผลิตภัณฑ์เครื่องแกงปรุงรสและอาหารไทยกึ่งสำเร็จรูป ตรา ‘กินดี’ หรือ ‘Kin Dee’มะพร้าวอบกรอบ ตรา ‘Crispconut’ และตรา ‘Little Monkey’ และ ซุปกึ่งสำเร็จรูปไม่ใส่ผงชูรสทุกชนิดตรา ‘GOOD EATS’
JDF มีทุนชำระแล้วหลังการเสนอขาย IPO 300 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 450 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) 150 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรกระหว่างวันที่ 29-31 มีนาคม 2565 ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 390 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,560 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 25.78 เท่า โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เจดีฟู้ด (JDF) เปิดเผยว่า ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมอาหารกว่า 30 ปี เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความอร่อยของลูกค้าในธุรกิจอาหาร ร้านอาหารยักษ์ใหญ่ รวมไปถึงธุรกิจ SMEs กว่า 300 ราย โดยบริษัทมีทีมวิจัยและพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์อาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถพัฒนาหรือปรับเปลี่ยนสูตรอาหารให้ตรงความต้องการและมีเอกลักษณ์เฉพาะ ซึ่งได้พัฒนามาแล้วกว่า 2,000 รสชาติ ทำให้บริษัทมีความได้เปรียบในการทำธุรกิจ ทั้งนี้บริษัทมีความพร้อมรองรับโอกาสการเติบโตหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย เนื่องจากได้สร้างโรงงานแห่งใหม่ตามมาตรฐานรับรองคุณภาพในระดับสากล เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และก้าวสู่การเป็นผู้พัฒนาสูตรและผู้ผลิตเครื่องปรุงรสชั้นนำของประเทศ
การระดมทุนและการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ของบริษัทในครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านฐานะการเงิน และขีดความสามารถขยายธุรกิจ โดยเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO จะนำไปใช้เพื่อขยายช่องทางตลาดไปยังต่างประเทศ ลงทุนในการวิจัยและพัฒนาและระบบเทคโนโลยีสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีการเติบโต ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
JDF มีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 50% โดยพิจารณาจากงบการเงินเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่าง ๆ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ โดยจะขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะการเงิน สภาพคล่อง แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจในอนาคต สภาวะตลาด ความเหมาะสม และปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ ครอบครัวหอสัจจกุล และ นางสาวรัตนา เอี้ยประเสริฐศักดิ์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้งบริษัท ถือหุ้นรวม 75%
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.jdfthailand.com และ www.set.or.th
ข่าวเด่น