สำหรับใครที่อยู่ในวงการคริปโตมาสักระยะหนึ่งแล้ว บางครั้งเราอาจจะเกิดความสงสัยว่า ทำไมเพื่อนร่วมสนามรบหลายๆ คน เขาถึงสามารถทำกำไรได้สูงกว่า หรือสามารถเลือกลงทุนในเหรียญ ก่อนที่ราคาจะพุ่งสูงขึ้นไปเป็นแท่งเขียวยาว 8 เมตรได้ แต่กลับกัน กว่าเราจะรู้ได้ว่าเหรียญคริปโตสกุลไหนมี Potential หรือมีข่าวดีอย่างบริษัทยักษ์ใหญ่เข้ามาลงทุน เหรียญนั้นก็ Show Off จัดแสดงให้เราดูเป็นขวัญตาไปแล้ว (หรือภาษาในวงการนักลงทุนเรียกว่า “ตกขบวน”) ครั้นจะกระโดดเข้าไปร่วมแจมตอนนี้ก็เป็นการ FOMO เสี่ยงต่อการที่คนในขบวนที่ขึ้นมาตั้งแต่ต้นๆจะเทขายเพื่อ Take Profit ออกไป และปล่อยทิ้งให้เรา ผู้ซึ่งกระโดดออกในสถานีสุดท้ายไม่ทัน ต้องพำนักอยู่บนจุดสูงสุดของประเทศ นั่งตบยุงรอคอยให้รถอีกขบวน หรือราคาของเหรียญพุ่งขึ้นมารับเราอีกครั้ง หากผู้อ่านไม่อยากประสบพบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ อยากเปลี่ยนบทบาท จากผู้ชมไปเป็นผู้ได้รับ Fast Pass Ticket มีสิทธิ์ในการขึ้นขบวนตั้งแต่แรกๆ บ้าง หรืออยากอยู่ให้รอดในตลาด ก็ลองนำกลวิธีที่ทาง "AC News" ได้หยิบยกมาให้ทั้ง 5 ข้อนี้ ไปพิจารณาประกอบการวางแผนในการลงทุนได้ ดังนี้

1. ดูกราฟเชิงเทคนิค อันดับแรกสำหรับนักเทรดเก็งกำไร ที่เข้าเร็วออกเร็ว ไม่ใช่สายลงทุนแบบคุณค่า ที่ปล่อยให้เงินแช่อยู่ในเหรียญสกุลนั้นนานๆ ได้ การวางแผนด้วยการดูกราฟ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญและเบสิคที่สุดสำหรับสายเทรด ซึ่งสามารถดูกราฟได้จากทางเว็บไซต์ tradingview.com และสามารถศึกษาวิธีการดู และการนับเวฟได้จากทางหนังสือหรือแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวกับกราฟหุ้น เพราะทั้งหุ้นและคริปโตนั้นใช้วิธีการดูกราฟเชิงเทคนิคได้แบบเดียวกัน
2. ศึกษาพฤติกรรมของแต่ละเหรียญ การพุ่งของเหรียญในตลาดคริปโตแต่ละสกุลนั้น มักจะมีพฤติกรรมเฉพาะตัวที่อาจแตกต่างกันออกไป เราจึงต้องรู้ข้อมูลภูมิหลังของเหรียญแต่ละสกุลก่อน ว่าเป็นเหรียญที่มีขึ้นเพื่ออะไร Community ของผู้ที่ถือเหรียญเป็นแบบไหน และศึกษาแนวกราฟในอดีตที่ผ่านมาว่ามันมีลักษณะการขึ้นลงอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ Dogecoin เป็นเหรียญที่จัดอยู่ในประเภท Meme Coin มีการขึ้นลงของราคาที่ได้รับอิทธิพลจาก Elon Musk ผู้ก่อตั้ง SpaceX ซีอีโอของบริษัท Tesla และพ่วงด้วยฉายาว่า “ศาสดาของ Dogecoin” ในวงการคริปโต ที่ทุกการพูดถึงเหรียญนี้จากแอคเคาท์ Twitter ของเขา จะเนรมิตแท่งเขียวแท่งแดงได้ดั่งใจ แต่จะเป็นในลักษณะของการกระชากขึ้นแล้วเทตกลงมาในระยะเวลาอันรวดเร็ว หรือเหรียญคริปโตสัญชาติไทย ที่การขึ้นลงของเหรียญที่ผ่านมามักจะมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน หากเหรียญใดเหรียญหนึ่งมีมูลค่าสูงขึ้น เหรียญนั้นก็จะพาเพื่อนชาวไทยที่เหลือขึ้นไปด้วย หรือจะเป็นเหรียญที่มี Utility เกี่ยวกับเรื่องของโลกเสมือน ก็จะมีทิศทางของราคา สัมพันธ์กับข่าวหรือพัฒนาการของโลก Metaverse เช่น การประกาศร่วมลงสนามของ Mark Zuckerberg ที่เปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook ไปเป็น Meta ก็ทำให้เหรียญของโปรเจค Metaverse ข้างเคียงมีราคาพุ่งสูงขึ้น เป็นต้น ซึ่งถ้าเรารู้ว่าแต่ละเหรียญมีพฤติกรรมแบบไหน ก็จะสามารถรับมือและวางแผนการลงทุนของเราให้มีโอกาสทำกำไรมากขึ้นได้
3. ศึกษาพฤติกรรมของตลาดคริปโต นอกจากพฤติกรรมของแต่ละเหรียญ พฤติกรรมของตลาดก็มีอิทธิพลกับราคาของเหรียญเช่นกัน และมักจะมีแพทเทิร์นของช่วงราคาขึ้นลงซ้ำๆ หากดูจากสถิติในตลาดที่เคยเกิดขึ้นมา เราน่าจะรู้กันดีว่าตลาดคริปโต มีความแตกต่างกับตลาดหุ้นตรงที่ไม่มีเวลาปิด-เปิด สามารถซื้อขายได้ตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน แต่สถาบันการเงินที่ในปัจจุบันนี้ได้มีการลงทุนในเหรียญคริปโตนั้น มีเวลาทำการแค่ช่วง วันจันทร์-วันศุกร์ ทำให้ราคาของเหรียญคริปโตในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ มีแนวโน้มในการโดน Manipulate จากคนในตลาดด้วยกันได้ง่ายกว่า (เพราะสถาบันการเงินที่เสมือนเป็นวาฬอีกตัวที่คอยคุมตลาดอยู่) และนักลงทุนหลายคนก็จะมีการ Take Profit ถอนทุนและกำไรออกไปใช้ชีวิตในช่วงวันหยุดอีกด้วย ทำให้ช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และช่วงวันจันทร์ (ยังเป็นวันอาทิตย์อยู่ในโซนประเทศตะวันตก) อาจเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะกับการเทรดสั้นๆ นัก แต่กลับกันจะเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เราสามารถสะสมเหรียญในราคาที่ย่อลงมา เพื่อนำไปขายในช่วงที่ราคาเหรียญมีการรีบาวน์ขึ้นอีกทีในอาทิตย์หน้าได้

4. ตามข่าวให้ไว ถัดจากพฤติกรรมของเหรียญ และพฤติกรรมของตลาดที่จำเป็นต้องรู้เป็นพื้นฐาน เรื่องของข่าวก็เป็นอีกองค์ประกอบหนึ่งที่มีผลกับการขึ้นลงของราคาอย่างมาก แต่ใครหลายๆ คนอาจมีข้อสงสัยว่า ราคาของเหรียญมันมักจะทยอยขึ้นไปก่อนหน้านี้แล้ว และพุ่งขึ้นแรงทันทีที่มีข่าวดีประกาศออกมา จนเราหาทางเข้าไปไม่ได้ หรือถ้าเข้าไปต่อขบวนตอนนั้นก็เสี่ยงกับการที่คนอื่น ที่เข้ามาในราคาต่ำๆก่อนหน้านี้แล้วเทขาย ทำให้เราขาดทุน แทนที่จะได้ทำกำไร ซึ่งเหตุผลที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เป็นเพราะจริงๆแล้ว “ข่าวดีคือสัญญาณให้เตรียมขายเพื่อทำกำไร” โดยเฉพาะข่าวที่ออกมาในระดับที่ประกาศให้คนจำนวนมาก หรือให้ระดับสาธารณชนได้รับรู้ หากเราอยากจะช่วงชิงผลกำไร หรือกระโดดเข้าไปให้เร็วกว่าคนอื่นๆ ก็จำเป็นที่จะต้องรู้ข่าวนั้นๆ ก่อนใคร โดยแหล่งที่จะทำให้ได้รับข่าวสารที่เร็วที่สุด ก็คือบัญชีแอคเคาท์ของเหรียญคริปโตสกุลนั้นๆ (ส่วนใหญ่จะอยู่ใน Twitter) ซึ่งส่วนใหญ่เหรียญนั้นๆ ก็จะมี Roadmap ออกมาไกด์ไลน์ว่าจะมีการเปิดตัว หรือการพัฒนาโปรเจคอะไรของเหรียญในช่วงเวลาไหน ซึ่งจะทำให้เราวางแพลน หรือติดตามการประกาศวันเวลาเปิดตัวจากแอคเคาท์ที่แน่ชัดอีกทีได้ในภายหลัง แต่ถ้าไม่สามารถกดติดตามเหรียญทุกสกุลในโลกของคริปโตได้ ก็สามารถติดตาม Event ของเหรียญได้จากเว็บไซต์ coinmarketcal.com โดยเว็บไซต์นี้จะเหมือนปฏิทิน ที่รวบรวม Event สำคัญๆ ของเหรียญคริปโตแทบทุกเหรียญ ว่ามีอะไรคืบหน้าในวันเวลาไหน ซึ่งจะทำให้เราสามารถวางแผนการเทรด เข้าซื้อเหรียญเอาไว้ก่อนมีข่าวประกาศออกมาได้
5. ตามการเคลื่อนไหวของ FED FED หรือ The Federal Reserve เป็นธนาคารกลางของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐ มีคณะกรรมการที่ดูแลนโยบายการเงินที่เรียกว่า FOMC เป็นผู้กำหนดนโยบายการเงินของประเทศ ซึ่งไม่ได้มีผลแค่ต่อสหรัฐเท่านั้น แต่ด้วยความเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ1 ของโลก แน่นอนว่าทุกการกระทำของ FED นั้นย่อมส่งผลไปยังทั่วโลก ทุกภาคเศรษฐกิจ รวมไปถึงฝั่งของตลาดคริปโตด้วย แม้ตลาดคริปโตจะมีความเป็น Decentralized ไม่สามารถควบคุมได้โดยตรง แต่เรื่องของการโยกย้ายเงินทุนมันย่อมมีการเชื่อมถึงกันในทุกๆตลาดลงทุนอยู่แล้วเป็นปกติ จึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนในตลาดคริปโตนั้นจำเป็นต้องเฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของ FED ซึ่งในปี 2565 นี้ FED ได้มีการส่งสัญญาณว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 6 ครั้ง และจะเร่งทำ QT หรือการปรับลดงบดุล ซึ่งแปลว่าจะเป็นการดึงเงินออกจากตลาด และจะทำให้ตลาดลงทุนโดยรวมนั้นดิ่งลงเหว แม้แต่ตลาดคริปโตก็หนีไม่พ้น ฉะนั้นเราควรดูทิศทางของ FED ประกอบการตัดสินใจในการลงทุนและการวางแผนเทรดเหรียญคริปโตร่วมด้วย โดยสามารถติดตามได้จากทางเว็บไซต์ investing.com/central-banks/fed-rate-monitor และจากในสื่อ Twitter
และทั้ง 5 ข้อนี้ ก็เป็นกลวิธีพื้นฐานสำคัญ ที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือประกอบในการลงทุน และประกอบการวางแผนการเทรดเหรียญในตลาดคริปโตได้สำหรับใครที่ยังเป็นมือใหม่ หากหมั่นติดตามอัพเดตข่าว ทั้งจากเว็บไซต์ที่ AC News ได้ยกมา ประกอบกับสื่อโซเชียลอื่นๆ และตื่นตัวที่จะปรับเปลี่ยนแผนการเทรดของตัวเองได้ตลอดเวลา แน่นอนว่าเราก็มีโอกาสในการทำกำไร เหมือนกับนักลงทุนคนอื่นๆ ที่มีประสบการณ์ในตลาดคริปโตมาก่อนเราได้เช่นกัน
ข่าวเด่น